เอไอเอส มากกว่า No.1 Brand คือ Brand Love ในใจผู้บริโภค (สัมภาษณ์พิเศษ)
คนไทย 66.59 ล้านคน ใช้งานมือถือมากถึง 93 ล้านเลขหมาย คิดเป็นอัตราส่วน 140% ต่อประชากรทั้งประเทศ
จากสัดส่วนของประชากร และเลขหมายมือถือ ทำให้เราเห็นว่าการแข่งขันในธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในประเทศไทย มีการแข่งขันที่รุนแรงผ่านกลยุทธ์ที่หลากหลาย ทั้งคุณภาพเครือข่าย แคมเปญโปรโมชั่น บริการหลังการขาย รวมถึงการดูแลลูกค้า สร้างประสบการณ์การใช้งานผ่านความประทับใจในหลากหลายมิติ เพื่อช่วงชิงลูกค้า ครองความเป็น No.1 Brand ในตลาด
แต่เป็นที่น่าสนใจ คือ ธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในประเทศไทยที่ผ่านมา มีเพียงแบรนด์ AIS ที่ครองความเป็นผู้นำอย่างต่อเนื่องยาวนานมาตลอด 30 ปี นับตั้งแต่ก้าวย่างแรกที่เอไอเอสดำเนินธุรกิจเปิดโลกการสื่อสารผ่านเครือข่ายมือถือในประเทศไทยในปี 2533
นอกเหนือจากความเป็นผู้นำในตลาดที่มีผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทยด้วยลูกค้ารวม 41.2 ล้านเลขหมายแล้ว เอไอเอสยังคงยืนหนึ่งเป็นผู้นำในด้านต่าง ๆ จากรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับอย่างต่อเนื่องยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นรางวัลระดับโลกอย่าง World’s Strongest Telecoms Brand แบรนด์โทรคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก อันดับ 1 โดย Brand Finance
รางวัลเครือข่ายมือถืออันดับหนึ่งที่เร็วที่สุดในประเทศไทยผู้ให้บริการเครือข่ายที่เร็วที่สุดในประเทศไทย Thailand’s Fastest Mobile Network Award โดย Ookla รวมถึงรางวัล Marketeer No.1 Brand ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่ได้รับความนิยมสูงสุด ภายใต้เส้นทางความสำเร็จสู่ความเป็น No.1 Brand เบอร์หนึ่งของเครือข่ายเทเลคอมต่อเนื่องมายาวนานที่หลากมิติของเอไอเอส และก้าวสู่ผู้นำ Digital Life Service Provider ที่เข้าไปอยู่ทุกช่วงจังหวะชีวิตของผู้บริโภคในอนาคต
Marketeer ร่วมพูดคุยกับ ศิวลี บูรณสงคราม หัวหน้าแผนกงานบริหารแบรนด์ เอไอเอส ถึงความสำเร็จที่ผ่านมา และอนาคตของเอไอเอสในการยืนหนึ่ง No.1 Brand ในทุก ๆ มิติอย่างยั่งยืน
สำหรับแนวทางเส้นทางความสำเร็จที่ผ่านมา และกลยุทธ์ที่สำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคตของเอไอเอส
ศิวลีเปิดเผยว่าทั้งหมดนี้มาจากองค์ประกอบที่สำคัญสี่ประการ ที่หลอมรวมเป็นแบรนด์เอไอเอสเพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานสู่ลูกค้า ทั้ง 41.2 ล้านเลขหมาย
องค์ประกอบที่สำคัญ 4 ประการ ประกอบด้วย
1. คุณภาพของเครือข่าย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เครือข่ายของเอไอเอสเป็นเครือข่ายที่มีเสถียรภาพในการให้บริการที่เร็ว แรง และครอบคลุมทั่วประเทศ สร้างความพึงพอใจในการใช้งานในทุกมิติให้ลูกค้าเอไอเอสทั้ง 41.2 ล้านเลขหมาย “เอไอเอสได้รับรางวัล Thailand’s Fastest Mobile Network ผู้ให้บริการเครือข่ายที่เร็วที่สุดในประเทศไทย โดย Ookla ผู้ให้บริการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับโลก อย่างต่อเนื่องตลอด 6 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ Ookla ยังมอบรางวัลเครือข่ายมือถือที่ครอบคลุมที่สุดในประเทศไทย และเครือข่ายมือถือที่ดีที่สุดในประเทศไทยให้กับเอไอเอส และรางวัลเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบ้านที่เร็วที่สุดในประเทศไทย ให้กับเอไอเอสไฟเบอร์ จากความเสถียรด้านความเร็วและความหน่วงในการให้บริการที่ต่ำ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านเครือข่ายที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า”
2. สร้างประสบการณ์ผ่านบริการ และสีสันทางการตลาด สู่แบรนด์ที่ลูกค้าชื่นชอบและไว้วางใจ
หัวใจหลักที่สำคัญของเอไอเอสอีกประการหนึ่ง คือการมอบประสบการณ์ในการให้บริการกับลูกค้าในระดับบุคคล ผ่านสินค้า บริการ โปรโมชั่น และการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับเปลี่ยนสอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อสร้างความประทับใจและความไว้วางใจเมื่อเข้ามาเป็นลูกค้าเอไอเอส จนในวันนี้ภาพลักษณ์ของเอไอเอส นอกจากเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยแล้ว เอไอเอสยังเป็นแบรนด์ที่คนทั่วโลกจับตามอง จากการที่เอไอเอสได้รับรางวัลระดับโลกอย่าง World’s Strongest Telecoms Brand แบรนด์โทรคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก อันดับ 1 โดย Brand Finance ถึง 2 ปีซ้อน และคะแนนวัดผลที่ได้จากปี 2563 ยังเป็นคะแนนที่สูงกว่าคะแนนที่เอไอเอสได้รับเมื่อปี 2562 รวมถึงยังเป็นแบรนด์ที่ได้รับการพูดถึงจากชาวโซเชียลทั่วโลกจน #AIS เป็นหนึ่งในแฮชแทคที่ติดเทรนด์ทวิตเตอร์จากการพูดถึงอย่างต่อเนื่องของชาวโซเชียลอีกแฮชแทคหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้เอไอเอสประสบความสำเร็จเป็นแบรนด์ที่คนไทยไว้วางใจ และเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ศิวลีกล่าวว่า มาจาก การหา Consumer Insight ของผู้บริโภคเชิงลึกเพื่อเข้าใจลูกค้าทุก Generation มีการเปลี่ยนพฤติกรรมและทัศนคติอย่างรวดเร็ว มากกว่าการทำตลาดในรูปแบบ Demographic พร้อมส่งมอบสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความพอใจของลูกค้า ผ่านการทำตลาดที่มีสีสันอยู่เสมอ
“ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล มีพฤติกรรมที่หลากหลาย เบื่อง่าย และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึกทำให้เอไอเอสสามารถเข้าใจและเข้าถึงลูกค้าในแต่ละช่วงเวลาเสมอ”
3. พนักงานเอไอเอสที่มีความตื่นรู้ พร้อมรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งที่พาเอไอเอสเติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาความเป็น No.1 Brand อย่างต่อเนื่อง มาจากการที่เอไอเอสปลูกฝังพนักงานให้มีความตื่นรู้ พร้อมตั้งรับ ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง และหาวิธีการใหม่ ๆ มาใช้กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลาอย่างรวดเร็ว
ศิวลียกตัวอย่างการตั้งรับพร้อมปรับตัวเพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของพนักงานเอไอเอสในช่วงเวลาล็อกดาวน์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เอไอเอสมีแพลนสื่อสารถึงการขยายเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ในจังหวะนั้นการล็อกดาวน์ทำให้ไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อถ่ายทำคลิปโปรโมตแคมเปญดังกล่าวได้ พนักงานเอไอเอสมีการปรับตัวและทดลองวิธีการใหม่ ๆ ด้วยการส่งกล้องถ่ายทำวิดีโอไปยังบ้านของนักแสดงเพื่อให้นักแสดงตั้งกล้องถ่ายด้วยตัวเอง และกำกับการถ่ายทำผ่าน online application ทั้งหมด รวมถึงแนวคิดในการจัดงาน AIS 5G Thailand Virtual Expo งาน Virtual Expo บนโลกเสมือนผ่านเทคโนโลยี Virtual Reality ครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งหมดนี้ถือเป็น Know-How ใหม่ที่เอไอเอสไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็พร้อมจะปรับเพื่อสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างน่าสนใจ
4. จับมือร่วมกับพาร์ตเนอร์ สร้าง Ecosystem ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า
การเติบโตอย่างยั่งยืนของเอไอเอสไม่ได้เติบโตเพียงองค์กรเดียว แต่เป็นการเติบโตไปพร้อม ๆ กับพาร์ตเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการบนประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมาร่วมกับพาร์ตเนอร์นำเสนอสินค้าและบริการผ่าน Ecosystem นับเป็นทิศทางที่เอไอเอสให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน ล่าสุด เอไอเอสจับมือร่วมกับ 10 บิ๊กอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับประเทศไทย
ทั้งนี้กลยุทธ์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนความเป็นหนึ่งให้กับ เอไอเอส ในปัจจุบันและอนาคต เอไอเอสเดินหน้าให้ความสำคัญกับการผลักดันประเทศสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านเทคโนโลยี 5G เทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนโลกแห่งอนาคต
นับตั้งแต่ตั้งปี 2563 หลัง กสทช. เปิดประมูลคลื่นความถี่ 5G เพื่อให้ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่สนใจนำคลื่น 5G ไปพัฒนาสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยผ่านเทคโนโลยีการสื่อสาร
เอไอเอสถือเป็นแบรนด์ที่มีความตั้งใจในการลงทุน 5G เพื่อนำมาพัฒนาประเทศในหลากมิติ ทั้งการเป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทย ที่คว้าคลื่น 5G จากการประมูลมากที่สุดในประเทศไทย ครอบคลุมตั้งแต่ย่านความถี่ต่ำจนถึงย่านความถี่สูง พร้อมการขยายโครงข่ายอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และนำเสนอการใช้งาน Use Case ใหม่ ๆ ที่นำ 5G เข้ามาสร้างประโยชน์ให้กับคนไทยในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะการนำ 5G มาปรับใช้กับหุ่นยนต์ทำงานแทนคนในรูปแบบต่าง ๆ จากประสิทธิภาพของเครือข่าย 5G ที่มีความเร็วและความหน่วงที่ต่ำ
และที่ผ่านมา เราได้เห็นเอไอเอส นำ 5G มาปรับใช้กับหุ่นยนต์ใน Use Case ใหม่ ๆ ที่ใกล้ชิดกับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เช่น การนำ 5G มาใช้กับหุ่นยนต์ช่วยเหลือทางการแพทย์ตรวจวัดอุณหภูมิผู้ป่วยโควิด-19 และต่อยอดไปยังหุ่นยนต์ตรวจวัดอุณหภูมิคัดกรองลูกค้าก่อนเข้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และอื่น ๆ การที่เอไอเอสนำหุ่นยนต์ 5G มาให้บริการผ่าน Use Case ใหม่ ๆ เช่น หุ่นยนต์วัดอุณภูมิในห้างสรรพสินค้า เป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการ Engage เทคโนโลยี 5G กับผู้บริโภค ให้รู้สึกใกล้ชิดมองเห็นประโยชน์ของเทคโนโลยี 5G ที่มากกว่าความเร็ว
ทั้งหมดนี้ ศิวลีกล่าวว่า มาจากการศึกษา Consumer Insight ของผู้บริโภคเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคต้องการทั้งสิ้น อย่างไรก็ดี แม้ในวันนี้เอไอเอสคือแบรนด์ที่ยืนหนึ่งที่ผู้บริโภคไว้วางใจ แต่ศิวลีไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เพราะนอกจากการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าผ่านสินค้าและบริการต่างๆ ของเอไอเอสแล้ว เธอยังมีความต้องการขับเคลื่อนแบรนด์เอไอเอสที่คนไทยไว้วางใจสู่แบรนด์ที่ผู้บริโภครักที่พร้อมยืนเคียงข้างทุกเจเนอเรชั่นตลอดไป
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ