ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง มูลค่าเท่าไร? กรณีศึกษา คอมมานโด ชักธงบุกตลาด
ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มในปีนี้ถูกผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เมื่อเทียบย้อนหลังไป 12 เดือน ตลาดติดลบอยู่ 3%
และหากโฟกัสที่ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ปัจจุบันมี market size อยู่ที่ 21,000 ล้านบาท ติดลบ 7%
หดตัวมากสุดคือเดือน เม.ย. ตลาดติดลบถึง 17% และเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงเดือน พ.ค. เป็นต้นมา (อ้างอิงจาก Oppday ของโอสถสภา)
บิ๊กเนมเบอร์ 1 ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังคงไม่ต้องพูดถึงคือ “โอสถสภา” ที่มีแบรนด์ในมือมากมาย ครองส่วนแบ่งตลาดอย่างแข็งแกร่งล่าสุดที่ 54.4%
โดยมีหัวหอกในกลุ่มคือ “M-150”
แม้ภาพรวมตลาดปีนี้จะติดลบ แต่กลับมีน้องใหม่อย่าง “คอมมานโด” เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกส่งท้ายปี ที่ผู้บริหารหวังเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาด และท้ารบกับบิ๊กเนมที่อยู่ในตลาดตอนนี้
แล้ว “คอมมานโด” คือใครถึงกล้าเข้ามาเล่นในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังนี้
อันที่จริง “คอมมานโด” คือเครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติไทยที่อยู่ในตลาดมานานแล้วกว่า 20 ปี เพียงแต่ “กรุงสยามเครื่องดื่ม” ผู้เป็นเจ้าของไม่ได้วางโพสิชั่นให้ ‘คอมมานโด’ วางขายในตลาดเมืองไทย
แต่กลับส่งออกไปตีตลาดต่างประเทศ ที่ตอนนี้มีจำหน่ายกว่า 36 ประเทศ โดยเฉพาะในตลาดแอฟริกาที่ ‘คอมมานโด’ ครองอันดับ 1 ในตลาด
ทำให้สัดส่วนการขายในพอร์ตของกรุงสยามเครื่องดื่มมาจากต่างประเทศถึง 80% และตลาดในไทย 20%
หลังจากลับคม และอยู่ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังมานาน ถึงเวลาที่ “คอมมานโด” ขอกลับมาตีตลาดในเมืองไทยบ้าง
ก่อนที่จะมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีนี้ “คอมมานโด” ใช้กลยุทธ์การเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ในกีฬาอีสปอร์ตตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมองว่าเป็นการปูทางทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภคก่อนที่จะเปิดตัวและทำตลาดอย่างจริงจัง
เหตุผลที่ ‘คอมมานโด’ กล้าเข้ามาเล่นในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังที่รุนแรงนี้ สิทธินันท์ อัสราษี กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงสยามเครื่องดื่ม จำกัด บอกว่า
เพราะ ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง ในบ้านเราผู้บริโภคมีทางเลือกน้อย รสชาติที่วางขายในตลาดมีค่อนข้างจำกัด ทำให้มองเห็นช่องว่างทางการตลาด และโอกาสในการทำธุรกิจ
กรุงสยามเครื่องดื่มมีรายได้เท่าไร
ปี 2558 : 343,366,129.10
ปี 2559 : 495,679,409.52
สำหรับ ปี 2560 : 464,039,566.40
ต่อมา ปี 2561 : 329,175,101.47
ส่วน ปี 2562 : 301,121,811.56
หน่วย: บาท
ที่มา-บริษัท กรุงสยามเครื่องดื่ม จำกัด จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ซึ่ง Marketeer ลองนึกภาพตามพบว่า แบรนด์ที่แข่งขันกันอยู่ในตลาดตอนนี้มาจาก 3 เจ้าหลักคือ โอสถสภา คาราบาวกรุ๊ป และกลุ่มทีซี ฟาร์มาซูติคอล เท่านั้น นอกนั้นก็แบรนด์อื่นๆ ที่มีส่วนแบ่งในตลาดเล็กน้อย
คอมมานโด ที่วางขายในไทยนี้จึงสร้างความแตกต่างด้วยการปรับสูตรให้ดื่มง่ายขึ้น และยังเป็นสูตรหวานน้อยตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพของผู้บริโภคในยุคนี้
โฟกัสกลุ่มแรงงานทักษะช่วงอายุระหว่าง 30-50 ปี
และหลังจากที่ทำตลาดในไทยแล้ว คอมมานโดหวังว่าจะมีสัดส่วนยอดขายจากในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 70-80% ใน 3 ปี
แถมมีเป้าหมายใหญ่คือ เติบโตเพิ่มขึ้น 3-5% ภายใน 3 ปี ก่อนที่จะพาตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ตามที่เตรียมไว้
แต่จะทำได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะ
“โอสถสภา” เจ้าตลาดมีสินค้าแบบ Multi-Brand มีความหลากหลายของสินค้า เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้บริโภค เพราะไม่ได้มีแค่ เอ็ม-150 แต่ยังมีแบรนด์อื่นที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดอีกหลายแบรนด์ ทั้งฉลาม, ลิโพวิตัน-ดี, ชาร์ค, โสมอินซัม และ เอ็ม สตอร์ม
คาราบาวกรุ๊ป มีคาราบาวแดง ที่มีจุดแข็งแกร่งอย่าง “แอ๊ด-ยืนยง โอภากุล” ที่เป็นหนึ่งในภาพจำของแบรนด์ไปแล้ว
ส่วนกลุ่มทีซี ฟาร์มาซูติคอล ที่มี ‘กระทิงแดง’ ที่มีชื่อเสียงทั้งในไทยและต่างประเทศ
ยังมี ‘แรงเยอร์’ ที่อยู่ในกลุ่มเสริมสุข และแบรนด์อื่นๆ อีก
ที่แบรนด์เหล่านี้ก็ไม่น่าจะยอมให้มาชิงส่วนแบ่งตลาดง่ายๆ
“คอมมานโด” จะทำได้มั้ยคงต้องใช้พลังหมีอย่างมหาศาลน่าดู
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



