บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทคอนซัลต์ด้านเทคโนโลยีสัญชาติไทย ที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 7 ปี โดยมี พชร อารยะการกุล เป็นหนึ่งใน 3 Founder ของบริษัท
ซึ่งพชรมี background ในการทำงานกับบริษัทคอลซัลต์ระดับโลกอย่าง Boston Consulting Group มาก่อน
จากนั้นได้เห็นโอกาสของการทำธุรกิจคอนซัลต์ที่เกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีในไทย จึงร่วมกันลงขันกับ Founder อีก 2 คน จนกลายเป็น Bluebik ขึ้นมา

โดยพชรได้ดึงหัวกะทิจากหลายอุตสาหกรรมมานั่งเป็นบอร์ดบริหารของบริษัท ซึ่งประกอบไปด้วย
ธนา เธียรอัจฉริยะ Keyman คนสำคัญของแอปพลิเคชัน Robinhood ของ SCB มานั่งในตำแหน่งประธานคณะกรรมการ
ครรชิต บุนะจินดา ซึ่งมีประสบการณ์การเป็นกรรมการของ เซ็นทรัล รีเทลและโรบินสัน มานั่งในตำแหน่งประธานกรรมการนโยบายความเสี่ยง
ชลากรณ์ ปัญญาโฉม คนเบื้องหลังสำคัญของ Workpoint มานั่งในตำแหน่งประธานคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน และกรรมการตรวจสอบ
วิศิษฐ์ กาญจนหัตถกิจ หนึ่งในผู้บริหารของกลุ่มบริษัท ศรีสวัสดิ์ มานั่งในตำแหน่งประธานกรรมการตรวจสอบ กรรมการนโยบายความเสี่ยง และกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน
พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ หรือ หนุ่ย แบไต๋ มานั่งในตำแหน่งกรรมการตรวจสอบ
ธนา เธียรอัจฉริยะ เปิดเผยเหตุผลของการมานั่งตำแหน่งประธานกรรมการในครั้งนี้ว่า
รู้จักกับพชรในคอร์สเรียน ABC โดยที่ตัดสินใจตอบรับคำชวนของพชรทั้งที่ตนก็นั่งเป็นบอร์ดอยู่ในหลาย ๆ บริษัทแล้ว
ก็เพราะการเข้ามาอยู่ในบริษัทที่แวดล้อมไปด้วยเทคโนโลยีจะทำให้ตัวเขาเองได้เรียนรู้และอัปเดตเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
และก่อนหน้าที่จะเข้ามาเป็นประธานกรรมการ ธนาก็เคยเป็นลูกค้าของบลูบิคมาก่อน
ด้านพชร เปิดเผยว่าหลายธุรกิจในไทยต้องการทำ Digital Transformation แต่ที่ยังไม่สามารถ Transform ได้สักทีก็เพราะต้องเจอกับปัญหาหลัก ๆ อย่าง
1. แม้จะมีเครื่องไม้เครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีอยู่มากมาย แต่กลับใช้เครื่องมือเหล่านั้นไม่เป็น หรือใช้ได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ
2. มีไอเดียทางธุรกิจ แต่เอาเทคโนโลยีมาปรับใช้กับธุรกิจไม่เป็น
3. ความรวดเร็วในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่บางครั้งก็เร็วจนธุรกิจตามไม่ทัน
4. การลงทุนในเทคโนโลยีนั้นมีต้นทุนที่สูง ทั้งในแง่ของบุคลากรและอุปกรณ์
พชรจึงมองว่านี่เป็นโอกาสในการขยายธุรกิจ ซึ่งตั้งเป้าว่าภายในปี 2564 จะพาบลูบิคเข้าตลาด mai
อีกทั้งหากมองดูตลาดหุ้นในต่างประเทศ หุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีนั้นกำลังเป็นเทรนด์ขาขึ้น เป็นสิ่งที่ผู้คนให้การตอบรับและสนใจเป็นอย่างมาก
โดยรายได้ของบลูบิคนั้นมาจาก 5 บริการหลัก ๆ ด้วยกัน คือ
1. รายได้จากการเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ให้กับบริษัทต่าง ๆ ที่อยากจะทำ Digital Transformation
2. รายได้จากการทำ UX/UI และโปรดักส์ดีไซน์ต่าง ๆ
3. รายได้จากการสร้างระบบเทคโนโลยีให้กับบริษัทต่าง ๆ
4. รายได้จากการทำ Program Management
5. รายได้จากการทำ Data
ซึ่งกว่า 40% ของรายได้ของบริษัทนั้นมาจากข้อ 3 คือการสร้างระบบเทคโนโลยีให้บริษัทต่าง ๆ ได้ใช้งาน
และ ณ ปัจจุบันลูกค้าหลักของบลูบิคก็คือลูกค้าในกลุ่มธุรกิจธนาคารและธุรกิจประกัน ส่วนธุรกิจที่มีแนวโน้มในการปรับตัวสู่ Digital Transformation มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็คือธุรกิจที่เป็นกลุ่มรีเทล
–
