- ในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ คุณใช้ Mobile Banking และ e-Wallet โอน ซื้อสินค้า หรือชำระค่าบริการกี่ครั้งกัน
เพราะโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการชำระเงินของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป
จากที่เคยหยิบแบงก์ หยิบเหรียญ มาจ่ายเงิน ก็เปลี่ยนวิธีการเพื่อเลี่ยงการสัมผัส
จากที่เคยเดินออกไปจับจ่ายซื้อของ ก็เปลี่ยนมาช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น
โควิด-19 เป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้การทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking และ e-Wallet มีการเร่งการเติบโตสูงขึ้น
ผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่สำรวจระหว่างวันที่ 26-30 เม.ย. 64 พบว่า ผู้บริโภคไทยโดยภาพรวมมีการโอนเงินและชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน Mobile banking และ e-Wallet อยู่ที่ 19 ครั้งต่อสัปดาห์
เพิ่มมากกว่าการใช้งานในช่วงการระบาดระลอกแรกที่มีอัตราการใช้งานอยู่ที่ 17 ครั้งต่อสัปดาห์
53.9% ของผู้บริโภคมีการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น

และหากถามว่าผู้คนใช้ Mobile banking และ e-Wallet มากกว่ากัน
คำตอบคือ Mobile Banking ส่วนหนึ่งคงมีสาเหตุจากการที่สถาบันการเงินมีความร่วมมือกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่มากขึ้น
ขณะที่ฟังก์ชันการใช้งานสำหรับการชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน Mobile Banking ก็เป็นที่เข้าใจง่าย ทำให้ผู้บริโภคปรับตัวในการใช้งานได้เร็ว
นอกจากนี้ ผู้บริโภคไทยยังคงนิยมซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์ก (Social Commerce) อาทิ Facebook, Instagram หรือ LINE ซึ่งร้านค้าหรือผู้ขายมักมีการรับชำระค่าสินค้าผ่านบัญชีของธนาคารพาณิชย์
ส่งผลให้ปริมาณการใช้ Mobile Banking ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง
พฤติกรรมการใช้แอปฯ ในช่วงโควิด-19 ระบาด
ใช้ Mobile banking มากกว่า e-Wallet 75.2%
ใช้ e-Wallet มากกว่า Mobile banking 6.3%
ใช้พอ ๆ กัน 18.5%
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่า ข้อมูลปริมาณธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่าน Mobile Banking และ e-Money ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2564 มีอัตราการขยายตัวราว 90.2% และ 28.9% ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การขยายตัวที่เร่งขึ้นนั้นน่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้เงินสดลดลง อันเนื่องมาจากความกังวลต่อการติดเชื้อไวรัสที่อาจมาจากธนบัตร
และผู้บริโภคทั่วไปก็เริ่มมีความคุ้นชินกับการใช้ Mobile Banking และ e-Wallet มากขึ้น
โดยเฉพาะจากการใช้แอปพลิเคชัน G-Wallet (เป๋าตัง) จากเงินช่วยเหลือภาครัฐตลอดช่วงปี 2563 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ มองว่าอานิสงส์ของกิจกรรมการใช้จ่ายออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงโควิดระลอกสาม คงทำให้ปี 2564 ยังคงเป็นอีกปีหนึ่งที่การทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking และ e-Wallet มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมาณว่า ปริมาณการทำธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่าน Mobile Banking ในปี 2564 จะขยายตัวราว 80.2% – 83.5% YoY เร่งขึ้นจากปี 2563 ที่ 79.7%
เช่นเดียวกับปริมาณธุรกรรมผ่าน e-Money ที่คาดว่าจะเติบโตราว 15.8% – 18.0% สูงกว่าปี 2563 ที่ 8.7%
ส่วนมูลค่าการทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking คาดว่าจะขยายตัวราว 36.5% – 38.0% YoY ใกล้เคียงกับปี 2563
ขณะที่มูลค่าการทำธุรกรรมผ่าน e-Money คาดว่าจะขยายตัว 15.5%-17.7%
โดยทั้งปริมาณและมูลค่าการทำธุรกรรมผ่าน e-Money ที่เร่งตัวขึ้นนั้น น่าจะมีแรงผลักดันหลักมาจากการใช้ G-Wallet (เป๋าตัง) จากโครงการช่วยเหลือของภาครัฐที่น่าจะมีอย่างต่อเนื่องในปี 2564
อีกทั้งยังได้รับแรงผลักดันจากกลุ่มผู้ประกอบการรายใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือและมีศักยภาพที่เข้ามาทำการตลาดมากขึ้น

–
