เสถียร เศรษฐสิทธิ์ แห่งคาราบาวแดง “ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 60 ปี”
Line สเตตัส ของ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2557 เคยขึ้นว่า “ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 60 ปี”
 
ซึ่งปีนั้นเป็นปีที่เขานำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเป็นปีที่บริษัทฯ มีรายได้ 7,574.6 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,011.7 ล้านบาท
 
ผ่านไปแล้ว 7 ปี วันนี้เขาอายุ 67 ปี
 
ปี 2563 ที่ผ่านมาคาราบาวกรุ๊ปมีรายได้และกำไรพุ่งสูงสุด (New High) สวนกระแสวิกฤตโควิด คือทำรายได้ 17,386 ล้าน (+16.5%) และกำไร 3,525 ล้าน (+44.2%)
 
ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของคาราบาวกรุ๊ป คือบริษัท เสถียรธรรมโฮลดิ้ง จำนวน 250,064,500 หุ้น เป็นสัดส่วน 25.01%
เสถียรธรรมโฮลดิ้ง เป็นบริษัทของเสถียรและภรรยากับลูก ๆ คือ วีรธรรม ร่มธรรม และ เทียนธรรม ลูกสาวคนเดียว
 

โดยมีชื่อ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ถือหุ้นส่วนตัวอีก 2.60% จำนวน 25,974,100 หุ้น

 
ราคาซื้อขายต่อหุ้น ณ วันที่ 6 ก.ค. คือ 149.50 บาท ดังนั้นรวมมูลค่าหุ้นทั้งหมดของตระกูล “เศรษฐสิทธิ์” ประมาณ 41,267 ล้านบาท
 
เสถียรยังติดทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทยเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา
 
คนมันจะรวย ช่วยไม่ได้
 
จะว่าไปแล้วเส้นทางกว่าจะถึงวัย 60 ปีของเสถียรค่อนข้างโหด เขาเป็นชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา ครอบครัวประกอบอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ต้องทำงานช่วยครอบครัวตั้งแต่เล็ก ๆ ในระหว่างมาเรียนที่ธรรมศาสตร์ก็มีปัญหาเรื่องการเมืองต้องหนีเข้าป่า กลับออกมาก็มาทำโรงงานทำตะปู แล้วมาโชคดีกับการซื้อมาขายไปของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
 
จนปี 2545 ก็ได้ร่วมกับ แอ๊ด คาราบาว และณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ ทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง
 
ในวัย 60 ปี นอกจากเอาคาราบาวแดงเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว
เขายังมีความสนใจในเรื่องการทำธุรกิจค้าปลีก และได้ตั้งบริษัทส่วนตัวชื่อ “ทีดี ตะวันแดง” เพื่อทำร้านสะดวกซื้อ มินิมาร์ท เมื่อปี 2555 แต่ในปี 2556 เขาได้เข้าไปถือหุ้นใหญ่ในร้านสะดวกซื้อ “CJ Express”
CJ Express ขยายสาขามาอย่างเงียบ ๆ และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเสถียรก็บอกกับนักข่าวว่า กำลังเตรียมพา CJ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
และวางเป้าหมายไว้ว่า 3 ปีต่อจากนี้ จากสาขาที่มีกว่า 500 สาขา ครอบคลุม 30 จังหวัด จะเพิ่มเป็น 1,000 สาขา และมียอดขายแตะ 50,000 ล้านบาท
ส่วนบริษัททีดี ตะวันแดง ได้นำมาใช้ทำธุรกิจอย่างจริงจังเมื่อประมาณปี 2562 ที่ผ่านมา ด้วยการสร้างโมเดลเป็นผู้บริหารร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” มีกลุ่มรากหญ้าเป็นเป้าหมายหลัก
 โดย “ถูกดี” จะเข้าไปช่วยพัฒนาร้านโชห่วยในปัจจุบันให้เป็นร้านสะดวกซื้อที่ทันสมัย ผ่านระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย
เร็ว ๆ นี้ เสถียรจะเปิดตัวร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” อย่างเป็นทางการเพื่อเปิดโอกาสให้โชห่วยทั่วประเทศเข้ามาเป็นพันธมิตร
ปัจจุบันมีเจ้าของร้านโชห่วยเข้าร่วมเป็นร้าน ถูกดี มีมาตรฐาน แล้วกว่า 1,000 ร้านค้าทั่วประเทศ
และบริษัทฯ มีเป้าหมายขยายเป็น 8,000 ร้านค้าในปี 2564 และเพิ่มเป็น 30,000 ร้านค้าในปี 2565
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในเดือน มี.ค. 2563 “โชห่วย” มีจำนวนกว่า 500,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านบาท
ถ้าโมเดลนี้ได้ผล และโชห่วยทั่วประเทศลุกขึ้นปรับตัวจะส่งแรงกระเพื่อมสำคัญต่อธุรกิจค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ แค่ไหน อย่างไร ต้องติดตาม
ที่สำคัญประมาทวิธีคิดคนวัย 60 กว่าปีคนนี้ไม่ได้เลย
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online