เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาตอน ต๊อบ อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แห่ง เถ้าแก่น้อยฟู๊ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) อายุ 20 ปี เขายังเป็นผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่ลองผิดลองถูกกับการทอดสาหร่ายขาย

และเมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อเขาอายุ 30 ปี เขาสามารถก้าวสู่ความสำเร็จในฐานะวัยรุ่น (สอง) พันล้าน ด้วยยอดรายได้ 2,695 ล้านบาทให้กับบริษัท

ธุรกิจหมื่นล้านตอนอายุ40

และในปีนี้ต๊อบต้องการลบภาพวัยรุ่นพันล้านสู่ธุรกิจรายได้หมื่นล้านในปี 2567 ตอนที่เขาอายุ 40 ปี

เส้นทางสู่ความสำเร็จของซีอีโอหมื่นล้านของต๊อบ จึงฝากความหวังไว้กับการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และขายหุ้น IPO ระดมทุน ปรับปรุงโรงงานเดิมให้มีประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้น และสร้างโรงงานใหม่ที่ โรจนะ รองรับการรุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบคาดสามารถเดินสายการผลิตได้ในปลายปี 2559 พร้อมเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

โกลบอลแบรนด์คือบลูโอเชียนและโอกาส

ปัจจุบันในประเทศไทยเถ้าแก่น้อยมีส่วนแบ่ง 62% ในตลาดสาหร่ายรวมปีที่ผ่านมา และต๊อบได้มองว่าต่างประเทศเป็นโอกาสการเติบโตที่ดีจากการเป็นบลูโอเชียนที่แทบจะไม่มีคู่แข่งในธุรกิจสาหร่ายสำหรับรับประทานเล่น ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักถึง 95% ในพอร์ตสินค้าทั้งหมด และเถ้าแก่น้อยก็เป็นบุกเบิกในตลาดต่างประเทศมาแล้วถึง 35ประเทศ และการทำตลาดในต่างประเทศยังใช้ต้นทุนการตลาดที่ต่ำกว่าตลาดไทยที่มีการแข่งขันกันรุนแรง โดยตลอด 5 ปีนี้ต๊อบสนใจในตลาดประเทศจีนและเซาส์อีสเอเชียซึ่งเป็นตลาดหลักและมีโพเทนเชียลสูง และมีสัดส่วนยอดจำหน่าย95% ในธุรกิจต่างประเทศของเถ้าแก่น้อย

ซึ่งในปีนี้เถ้าแก่น้อยมีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศ 55% และในประเทศ 45% และเขาคาดหวังว่าภายในปี 2567 เถ้าแก่น้อยจะมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศมากถึง 80% จากรายได้ทั้งหมด

IPO 360 ล้านหุ้น หุ้นละ 4 บาท

ปัญหาในอดีตของต๊อบก่อนเข้าตลาดคือเถ้าแก่น้อยมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 255 ล้านบาท ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอกับการขยายสู่ตลาดโลกได้คล่องนักซึ่งส่วนหนึ่งจากการมีโรงงานผลิตที่ไม่เพียงพอ เพราะต๊อบวิเคราะห์ว่าถ้าสามารถปรับปรุงโรงงานเก่าและขยายโรงงานใหม่สำเร็จ จะมีกำลังการผลิตเต็มที่ถึง 7,600 ตันต่อปี

เขาจึงต้องการเพิ่มทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 345 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มทุนจำนวน 90 ล้านบาท ในรูปแบบ IPO 360 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์หุ้นละ 0.25 บาท ราคาเสนอขาย 4 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมและให้ส่วนลดสูงสุดถึง 48% เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราส่วน P/E เฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงเถ้าแก่น้อยและอยู่ในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยการขายหุ้นในครั้งนี้จะสามารถระดมทุน 1,440 ล้านบาท

TKN เริ่มเข้าตลาด 3 ธันวาคม

ชื่อในตลาดหลักทรัพย์ของเถ้าแก่น้อย จะใช้ชื่อว่า TKN พร้อมลงนามแต่งตั้ง เอเชีย พลัส เป็นผู้จัดจำหน่ายและประกันการจำหน่ายในตลาดหลักทรัพย์ในชื่อหุ้น TKN ในวันที่ 23 พ.ย. 2558

การจำหน่ายหุ้นได้แบ่ง 360 ล้านหุ้นออกแบบ 3 กลุ่มได้แก่ 218 ล้านหุ้นให้ผู้มีอุปการคุณผู้จัดจำหน่ายบริษัทหลักทรัพย์ 60 ล้านหุ้นสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป และ 82 ล้านหุ้นให้กับผู้อุปการคุณเถ้าแก่น้อยเปิดจองซื้อ 25-27 พ.ย. 58 ที่หลักทรัพย์ เอเชีย พลัส, บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) , หลักทรัพย์ CIMB (ประเทศไทย), บมจ.หลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส, บมจ.หลักทรัพย์เคที ซีมีโก้ และหลักทรัพย์ ทรีนิตี้คาดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 3 ธ.ค. 58

9 เดือน 2,519 ล้านบาท

เมื่อย้อนไปดูอดีตที่ผ่านมาในปี 2555 เถ้าแก่น้อย มีรายได้ 2,496 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 2,716 ล้านบาท กำไรสุทธิ 128 ล้านบาทในปี2556 และปี 2557 มีรายได้ 2,695 ล้านบาท กำไรสุทธิ 199 ล้านบาท ส่วน9 เดือนแรกปี 2558 มีรายได้ 2,519ล้านบาท เติบโต 35% แบ่งเป็นการเติบโตจากตลาดไทย 14% และจากตลาดตปท. 65% ใน 35ประเทศ มีเซาส์อีสเอเซีย และจีน เป็นตลาดหลัก กำไรสุทธิ 245 ล้านบาท

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer