ปี 2566 แสนสิริ ตั้งเป้าเปิด 52 โครงการใหม่ มูลค่า 75,000 ล้าน ยอดขาย 55,000 ล้านบาท รายได้ 40,000 ล้านบาท All Time High สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
แสนสิริ ชื่อที่อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์มาร่วม 39 ปี จากที่มีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ด้วยการซื้อที่ดินบนถนนสารสิน ด้วยราคามากถึง 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา เพื่อเตรียมพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ราคาสูงที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งปีที่ผ่านมาบริษัทยังสามารถทำ All Time High ด้านมูลค่าเปิดโครงการ ยอดขาย รายได้ รวมถึงกำไรสุทธิอีกด้วย
คุณเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ดีมากปีหนึ่งสำหรับแสนสิริ จากการปิดโครงการได้ 18 โครงการ มูลค่ากว่า 28,000 ล้านบาท ผลจากกลยุทธ์ Speed To Market ขับเคลื่อนยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
ในปีที่ผ่านมาบ้านเดี่ยวราคาแพงเเสนสิริ ใช้เวลาปิดการขาย 1 เดือน จากยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ 5,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 6,000 ล้านบาท เเสดงให้เห็นดีมานด์ของลูกค้าระดับบนที่ยังคงอยู่ในระดับดี จากความสำเร็จในลักชัวรีเซกเมนต์
ส่งผลให้โครงการเเนวราบแสนสิริ เล็งขยายในส่วนของกลุ่มพรีเมียมเพิ่มขึ้นจากเดิมที่อยู่ในสัดส่วน 50% ในปีที่เเล้ว เป็น 70% ในปีนี้
ขณะที่คอนโดมิเนียมหลังมีความเคลื่อนไหวเรื่องการลงทุนซื้อที่ดิน 1 ไร่ บนถนนสารสิน ไปในปี 63 สนนราคาที่ 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งแสนสิริจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีราคาขายสูงถึง 800,000 บาทต่อตารางเมตร เป็นราคาขายที่เเพงที่สุดในประเทศ
สำหรับในปีนี้ ที่มองว่าแสนสิริจะยังคงมี Performance ที่ดีนั้น คุณอุทัย อุทัยเเสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกลยุทธ์กุญแจสำคัญในการดำเนินงานไว้ 3 ด้าน คือ
1. เร่งขยายธุรกิจ สนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม
ในปี 2566 เร่งเปิด 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 75,000 ล้านบาท นับเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โตจากปีก่อน 74% เเละเติบโต 1,000% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด แบ่งเป็น
โครงการแนวราบ – 30 โครงการ มูลค่ารวม 50,700 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการไฮไลท์ ‘นาราสิริ พหล-วัชรพล’ มูลค่า 5,300 ล้านบาท
“บูก้าน” เปิดเอ็กซ์คลูซีฟเรสซิเดนท์ 3 โครงการ บนทำเล กรุงเทพกรีฑา, พัฒนาการ เเละพระราม 9-เหมงจ๋าย มูลค่ารวม 3,600 ล้านบาท
ขณะที่บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีแบรนด์ “เศรษฐสิริ” ขยับกลุ่ม Target อายุน้อยที่ประสบความสำเร็จเร็ว เปิดโครงการเเรก ‘เศรษฐสิริ ดอนเมือง’ สไตล์จอร์เจียน
“สราญสิริ” คอนเซ็ปต์บ้านเดี่ยวของครอบครัว ปีนี้เปิดเพิ่ม 4 โครงการใหม่ รวม 10,000 ล้านบาท รวมถึงลุยเปิดแบรนด์ “อณาสิริ” อีก 9 โครงการ เป็นมิกซ์โปรดักส์บ้านเเละทาวน์โฮม
พร้อมกันนี้ ประกาศเปิดตัวแบรนด์ใหม่ในระดับ Luxury Collection ได้แก่ No.19 และ Sirinsiri ขณะที่ Premium Segment เปิดเพิ่มอีกสองเเบรนด์ คือ Narinsiri และ Ombré
คอนโดมิเนียม – 22 โครงการ มูลค่า 24,300 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 151% ในปีนี้ประกอบด้วยโครงการที่เป็นไฮไลท์ ‘New Luxury Condominium’ ใน อารีย์ เเละราชเทวี รวมถึงสองแบรนด์ใหม่อย่าง HUB เเละ Cabanas บนทำเลหัวหิน และอีกสองเเบรนด์คอนโดมิเนียมไลฟ์สไตล์ย่านสุขุมวิท
นอกจากนั้น ยังเดินหน้าในตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง ใน 6 จังหวัด ประกอบด้วย หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ขอนเเก่น และชลบุรี เปิดเพิ่ม 12 โครงการในต่างจังหวัด มูลค่า 8,500 ล้านบาท
รวมถึงการพัฒนาคอมมูนิตี้แสนสิริใหม่ ๆ เพิ่มเติม อาทิ บางนา-เลค 26, รังสิต-บางพูน, กรุงเทพ-ปทุมธานี, ราชพฤกษ์-346, พระราม 2-วงเเหวน, ประชาอุทิศ 90 เเละเวสต์เกต
ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 ที่ 55,000 ล้านบาท รายได้รวม 40,000 ล้านบาท เป็นยอด All Time High สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
2. ครองเบอร์หนึ่งในตลาดต่างประเทศ
แสนสิริคือแบรนด์แรก ๆ ที่เริ่มขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศ และสร้างความแข็งแกร่งได้ในตลาดนี้ ตั้งเป้ายอดขายเเละยอดโอนจากตลาดต่างชาติ 12,000 ล้านบาท นับเป็นการเติบโต 54% จากปีก่อน
เน้นรุกกลุ่ม CLMV เพื่อขยายตลาดต่างประเทศให้กว้างขึ้น จากเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีนมากกว่า 75% ตามด้วยฮ่องกง 12% เเละอื่น ๆ (ไต้หวัน สิงคโปร์ รัสเซีย) เนื่องจากเล็งเห็นความต้องการในตลาดประกอบกับกำลังซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ดี การกลับมาของการท่องเที่ยว จีนเริ่มเปิดประเทศ ปัจจัยนี้จะส่งผลให้ยอดขายคอนโดเเสนสิริกลับมาด้วยเช่นกัน
3. เดินหน้าสู่องค์กร Net-Zero
ในปีนี้เดินหน้าพัฒนา “Low Energy Community Model” เริ่มพัฒนาบ้านด้วย Green Materials ติดตั้ง Solar Panel ใน 1,100 หลัง EV Charger 650 หลัง และอีก 750 หลังในปีต่อไป
บุกตลาดคนรุ่นใหม่
ทั้งโครงการเเนวราบเเละคอนโด ลุยเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจ ในปีนี้จึงได้เห็นการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ เจาะกลุ่ม Target อายุน้อยที่ประสบความสำเร็จไว รวมถึงคนรุ่นใหม่วัยทำงาน
เริ่มด้วยการรีเเบรนด์ “ดีคอนโด” กลุ่มคอนโดราคาเข้าถึงง่าย ให้มีภาพลักษณ์ทันสมัยมากขึ้น เตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท
นอกจากนั้น มีเเผนเปิดโครงการเเนวราบ “เศรษฐสิริ ดอนเมือง” บ้านสไตล์จอร์เจียน เเรงบันดาลใจจากบ้านเศรษฐีอเมริกัน บนที่ดินดอนเมือง เริ่มต้น 13 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คุณอุทัยกล่าวว่า แสนสิริเป็นเเบรนด์สำหรับกลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์เเละช่วงอายุอยู่เเล้ว จะเห็นว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเเสนสิรินั้น เป็นผลพวงจากรุ่นสู่รุ่น เช่นว่า รุ่นพ่อที่ซื้อบ้านเเสนสิริ กลับมาซื้อคอนโดแสนสิริให้ลูก หรือรุ่นลูกที่เมื่อโตขึ้นสู่วัยมีครอบครัว ก็ขยับซื้ออสังหาฯ ของเเสนสิริที่ระดับราคาสูงขึ้น เพราะระดับราคาในเเต่ละเเบรนด์มีความครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทำให้เเสนสิริสามารถตอบโจทย์ในทุกช่วงวัยที่เปลี่ยนไป
“อย่างไรก็ดี ความท้าทายของเเสนสิริในปีนี้ยังคงเป็นการต่อสู้ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามเย็นที่เริ่มก่อตัวระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา การประกาศขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ การส่งออกเเละการท่องเที่ยวไทยจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพาให้สถานกาณ์เศรษฐกิจดีขึ้น” คุณอุทัย กล่าวทิ้งท้าย
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



