ปีนี้ Starbucks มีแผนเปิดสาขาทั่วประเทศแถบเอเชีย-แปซิฟิก ให้ได้ 400 สาขา โดยจะขยายไปที่นอกเมืองใหญ่ ๆ มากขึ้น หลังยอดขายเฉลี่ยต่อร้านไตรมาสล่าสุด (สิ้นสุด ณ มกราคมที่ผ่านมา) เพิ่มขึ้นมากถึง 20%
นัยสำคัญของแผนในปีนี้ของ Starbucks คือเป็นแผนขยายสาขาครั้งใหญ่ในเอเชียในรอบ 5 ปี ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งประเทศใหญ่ ๆ ในกลุ่ม ASEAN เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย รวมไปถึงลาว ที่เพิ่งเปิดสาขาแรกไปเมื่อปี 2022
และเพิ่มจำนวนสาขาในเกาหลีใต้ให้ได้มากขึ้น ผ่านรูปแบบร้านใหม่ ๆ เช่น Drive Thru ที่เปิดสาขาแรกไปเมื่อมกราคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าว ไม่รวมจีนกับญี่ปุ่น ที่แยกออกมาแม้อยู่ในเอเชียเช่นกัน โดยในส่วนของจีนแม้เป็นตลาดใหญ่ แต่ก็เผชิญความท้าทายมากมาย
ทั้งการโต้กลับของร้านกาแฟจีน และการเพิ่งฟื้นจากสถานการณ์โควิด จนทำให้ไตรมาสล่าสุด ยอดขายเฉลี่ยต่อร้าน ร่วงลงไปถึง 29%
Michael Conway ประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า ตลาดเอเชีย-แปซิฟิก จะทวีความสำคัญในระยะยาวและจะเป็นอนาคตของ Starbucks ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของคนชั้นกลางและปริมาณการบริโภคกาแฟ
Howard Schultz
ด้าน Howard Schultz ซีอีโอรักษาการ กล่าวว่า สถานการณ์โควิดและมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินธุรกิจในจีน
มี 3 ประเด็นที่ต้องติดตามต่อจากนี้ เริ่มจากแผนยึดเอเชียของ Starbucks จะทำให้การแข่งขันในธุรกิจร้านกาแฟทั่วเอเชียดุเดือดขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน เพราะแน่นอนว่า แบรนด์ท้องถิ่นของแต่ละประเทศคงจะต้องโต้กลับหรือทำทุกทางเพื่อปกป้องตลาดบ้านเกิด
แต่ขณะเดียวกันก็จะทำให้คอกาแฟในเอเชียได้สัมผัสกาแฟจากเชนกาแฟระดับโลกมากขึ้น
Laxman Narasimhan
ประเด็นที่ 2 คือ การโชว์ฝีมือของ Laxman Narasimhan ซีอีโอคนใหม่ชาวอินเดีย ซึ่งปีนี้คงจะได้คุมเชนร้านกาแฟโลโก้เงือกไซเรนเต็มตัว หลัง Howard Schulz น่าจะทยอยลดบทบาท
ส่วนประเด็นที่ 3 คือแผนขยายสาขาเอเชียครั้งใหญ่ของ Starbucks น่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน โดยถ้าเป็นไปตามเป้า นอกจากสามารถชดเชยความเสียหาย หลังจำเป็นต้องถอนตัวจากรัสเซีย
เพราะสถานการณ์ความขัดแย้ง เช่นเดียวกับแบรนด์ชาติตะวันตกแบรนด์อื่น ๆ เช่น McDonald’s และ KFC จนเป็นหนึ่งในข่าวใหญ่ของปี 2022
ยังจะเป็นการประเดิมปีแรกบนเก้าอี้ซีอีโอ Starbucks ของ Laxman Narasimhan ได้อย่างสวยงามอีกด้วย/cnn
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ