ซิซซ์เล่อร์ 30 ปี ขอหวนคืนออริจินัล ชูสเต๊กพรีเมียม เปิดสาขาใหม่กรุงเทพฯ – หัวเมืองรอง
ซิซซ์เล่อร์ รับครบรอบ 30 ปี ยกเครื่องเล่มเมนูใหม่ ไม่ขึ้นราคา หวนคืนออริจินัลแบรนด์ ชู สเต๊กพรีเมียม รักษาฐานผักสลัดจากเกษตรกรท้องถิ่น และสร้างการเติบโตของยอดขาย ด้วยกลยุทธ์ดึงลูกค้าเข้าสู่ระบบฐานสมาชิกดิจิทัล
นายอนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด หรือ ซิซซ์เล่อร์ (Sizzler) ในเครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า
ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1/2566 จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านซิซซ์เล่อร์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลายสาขา เฉพาะอย่างยิ่ง ตามห้างสรรพสินค้ากลับมาดีกว่า ปี 2019 (ก่อนเกิดโควิด-19)
กลยุทธ์การดำเนินงานในวาระครบรอบ 30 ปี ของการเปิดให้บริการในไทย ซิซซ์เล่อร์ จะทำงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “OVER 30 YEARS OF SIZZLING EXPERIENCES” ไม่ว่าจะเป็น ปรับเล่มเมนูของร้านใหม่ แบบยกเครื่อง รวม 30 เมนู แต่ไม่มีการเพิ่มราคา ให้ดูน่าดึงดูด ชวนรับประทานมากขึ้น รวมไปถึงการออกแบบที่โมเดิร์นขึ้น ให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกว่าซิซซ์เล่อร์มีความทันสมัย แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ได้ครบถ้วน
ใจความสำคัญ อย่าง การออกเมนูอาหารใหม่ ๆ เริ่มจาก รับอากาศร้อนรุนแรงด้วยการใช้ แตงโม มาเป็นวัตถุดิบใหม่ในเมนูต่าง ๆ ของ สลัดบาร์ และเครื่องดื่มรีเฟรช ที่ทำให้ยอดขายเซกเมนต์เมนูเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่าโตขึ้นถึง 25%
ด้านเมนูอาหาร หันมาให้ความสำคัญกับความออริจินัลของแบรนด์ ด้วยการชูจุดขาย อย่าง พรีเมียมสเต๊ก ใช้เนื้อคุณภาพ ส่งตรงจากออสเตรเลีย เสิร์ฟพร้อมหินร้อนสไตล์ญี่ปุ่น ให้ลูกค้าเพิ่มความสุกของเนื้อได้ตามระดับความชอบ และเป็นกิมมิกที่สร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ของการรับประทานสเต๊ก ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายเมนูสเต๊ก เฉพาะเนื้อวัว เพิ่มขึ้นมา 4 เท่า
เมนูเด่น อย่าง สเต๊กริบอายจานร้อน พร้อมหินร้อนสไตล์ญี่ปุ่น (Sizzling Ribeye Steak) เนื้อวัวส่วนที่อยู่ติดซี่โครง ราคา 999 บาท
และ สเต๊กเนื้อนิวยอร์กสตริปลอยน์ พร้อมหินร้อนสไตล์ญี่ปุ่น (Sizzling New York Striploin Steak) ตัดเนื้อสไตล์นิวยอร์ก ที่มีสัดส่วนระหว่างเนื้อ และไขมันกำลังดี ราคา 899 บาท
หรือ สเต๊กปลา อย่าง สเต๊กปลาแซลมอนซูวีสไตล์นอร์ดิก (Sous Vide Salmon Steak Nordic Style) ราคา 599 บาท และ สเต๊กปลากะพงย่าง ซอสซีฟู้ดมาโย (Sea Bass Steak with Seafood Mayo Sauce) ราคา 499 บาท
ส่วนซิกเนเจอร์ของซิซซ์เล่อร์ อย่าง สลัดบาร์ ก็ยังให้ความสำคัญในการทำงานเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเครือข่ายวัตถุดิบที่สด สะอาด ปลอดสารพิษ จากเกษตรกรในโครงการหลวง และภาคท้องถิ่น
ทั้งด้วยดีมานด์ที่ใหญ่ของซิซซ์เล่อร์ทำให้สามารถนำเข้าผักสลัดสู่สาขาของซิซซ์เล่อร์ได้อย่างรวดเร็ว และไม่เกิน 2 วัน ตลอดจนการออกโปรโมชันและคอมบิเนชันเมนูใหม่ ๆ อาทิ 2 แถม 2, จับคู่ถูกลง เป็นต้น
การทำงานเพื่อพัฒนาร้านสาขา ปัจจุบัน ซิซซ์เล่อร์ มีอยู่ 63 สาขา ทั่วไทย ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย สาขา 70% อยู่ในกรุงเทพฯ และ 30% กระจายตัวอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ของต่างจังหวัด อาทิ เชียงใหม่, ขอนแก่น, โคราช, อุบลราชธานี, อุดรราชธานี ตลอดจนหัวเมืองรอง อย่าง จันทบุรี, ระยอง เป็นต้น
63 สาขาสามารถแบ่งเป็นสาขาเปิดใหม่ 5-6 สาขาในปีที่ผ่านมา ส่วนปี 2566 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ได้เปิด 1 สาขาใหม่ ที่ เซ็นทรัล รามอินทรา เตรียมเปิดอีก 1 สาขาใหม่ ที่ พาร์ค สีลม ในเดือนกรกฎาคมนี้ และอีก 1 สาขาใหม่ในต่างจังหวัด ประมาณไตรมาส 4/2565
เตรียมย้ายสาขาเก่าแก่ที่สุดที่ยังเปิดให้บริการอยู่ ณ ซีพี ทาวเวอร์ ไปยัง เซ็นทรัล สีลม ทาวเวอร์
ส่วนการรีโนเวต มี 3 สาขา ที่ปรับตามแผนการรีโนเวตใหม่ของทั้ง 3 พื้นที่ ได้แก่ เดอะมอลล์ บางกะปิ-บางแค ซึ่งจะพร้อมกลับมาให้บริการเดือนตุลาคมนี้ และ พาราไดซ์ พาร์ค ก็จะเร็วกว่านั้นสักหน่อย
ด้านสาขาท็อปเซลล์ มีอาทิ แฟชั่นไอส์แลนด์, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เซ็นทรัล เวสต์เกต-ลาดพร้าว-ปิ่นเกล้า
ด้าน เทรนด์ลูกค้าของซิซซ์เล่อร์ ปัจจุบัน 90% เป็นมานั่งรับประทานที่ร้าน 10% เป็นเดลิเวอรี-สั่งกลับบ้าน ความถี่ในการรับประทานซ้ำ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์ สำหรับลูกค้าสมาชิกของทางร้าน ซึ่งเน้นทานสลัดบาร์ โดยใช้ส่วนลดสมาชิก เฉลี่ยต่อบิล เพิ่มขึ้นจาก 700 บาท อยู่ที่ 800 บาท และต่อหัว 320 บาท อยู่ที่ 350 บาท
30% ของยอดขายมาจากลูกค้าสมาชิก ซึ่ง ซิซซ์เล่อร์ มีฐานอยู่แล้ว 300,000 คน โดยจะตั้งเป้าสร้างการรับรู้ ให้ลูกค้าขาจรเข้ามาเป็นสมาชิกมากขึ้น ด้วยการสร้างระบบบัตรสมาชิกแบบดิจิทัล (Loyalty Program E-Member) โดยสมัครฟรี และใช้แลกรับส่วนลด-สิทธิประโยชน์ได้ทันทีหลังจากสมัคร
รวมถึงการสร้างลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามารับประทานในร้าน ด้วยบริการระบบสะสมแต้มออนไลน์ผ่าน Line Official Account @SizzlerThai และปล่อยแคมเปญใหม่ ๆ ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่หลากหลาย จากที่เคยเน้นอยู่แต่ในเฟซบุ๊ก
ส่วนภาพรวม ตลาดร้านอาหารพรีเมียมสเต๊กในเอเชียแปซิฟิกปัจจุบัน มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 5-7% โฟกัสในไทยก็มีการเติบโตเช่นกัน และ ซิซซ์เล่อร์มีส่วนแบ่งตลาดร้านสเต๊ก-สลัดบาร์ อันดับ 1
โดยจุดแข็งของ ซิซซ์เล่อร์ คือ ความอยู่ตรงกลางระหว่างพรีเมียมสเต๊ก กับสลัดบาร์ ซึ่งมีจุดขายตรงที่เป็นบุฟเฟต์
ด้านความท้าทายของผู้ประกอบการร้านอาหารในไทยหลังจากนี้ คือ การควบคุมต้นทุน ซึ่งสูงขึ้นในทุกองค์ประกอบ ไม่ไปเป็นภาระแก่ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



