ทุกบริษัทจะดำเนินกิจการและเดินหน้าไปได้ก็ด้วยพนักงาน ไล่จากตำแหน่งเล็ก ๆ เรื่อยมาสู่ผู้บริหารระดับกลางและหัวหน้าแผนก ต่อเนื่องไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง ซีอีโอ และเจ้าของบริษัท 

นี่ทำให้พนักงานสำคัญต่อองค์กร โดยการมอบหมายงานและบริหารความสัมพันธ์กับพนักงานเป็น Know How ที่บรรดาหัวหน้าและผู้บริหารต้องเรียนรู้ และอัปเดตอยู่ตลอด 

ในบรรดา Know How ที่ผู้บริหารสนใจกันมากลำดับต้น ๆ คือ การรั้งตัวพนักงานเก่ง ๆ ให้อยู่กับบริษัทให้นานที่สุด ทว่าเอาเข้าจริงเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องยาก และต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์

เพราะคนเก่งในทุกแผนกต่างก็เป็นที่ต้องการตัว และทุกคนก็มีงานล้นมือ นำมาสู่คำถามที่ว่าแล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยตัดวงจรงานล้นมือ ไม่ให้คนเก่งเป็น “เดอะ แบก” จนหมดไฟและลาออกไป 

คำตอบของคำถามนี้คือ Overload Defusion ที่ช่วยตัดวงจรการลาออกของคนเก่ง ๆ ไม่ต่างจากการปลดชนวนระเบิด

วางกรอบชัดแต่แรก: เมื่องานล้นมือเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้น อย่างแรกที่ต้องทำเลยคือ วางกรอบการทำงานของคนเก่งให้ชัดว่าพวกเขารับงานมากสุดได้แค่ไหน 

Fastcompany เว็บไซต์รายงานความเคลื่อนไหวในโลกการทำงานและ How to ต่าง ๆ ในแวดวงเดียวกัน แนะนำว่า คนเก่งไม่ควรทำงานเกิน 2-3 งาน พร้อมกัน หรือในเวลาไล่เลี่ยกัน 

เพื่อไม่ให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงมากเกินไป ยังสามารถบริหารเวลาและรักษาสมดุลระหว่างงานกับการพักผ่อนได้อย่างเหมาะสม  

 

เป็นสายซัปพอร์ตให้อุ่นใจ: วิธี Overload Defusion ข้อต่อมา คือต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์และของใช้จำเป็นสำหรับคนเก่ง ๆ 

เพราะจะทำให้การทำงานของพวกเขาราบรื่น และไม่เสียเวลาโดยเฉลี่ยต่องานใดงานหนึ่งมากจนเกินไป 

Fastcompany แนะนำว่า หัวหน้าแผนกและผู้บริหารควรใส่ใจพนักงานและคนเก่งที่เป็นหญิงมากกว่าชาย เพราะพวกเธอล้ากับงานได้มากกว่าผู้ชาย 

 

ไม่คาดหวังสูงเกินไป: ถัดจากวางกรอบชัดแต่แรก และเป็นสายซัปพอร์ต Overload Defusion ข้อต่อมาคือ การตั้งความคาดหวังอย่างสมเหตุผลผล ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป

และต้องเข้าใจว่า เมื่อคนเก่งหรือพนักงานคนนั้นต้องทำงานในเวลาเดียวกัน ประสิทธิภาพอาจไม่เต็ม 100%  

จากนั้นก็ไปนั่งคุยแบบเปิดอกกับพนักงานคนนั้นว่า รับได้กับประสิทธิภาพงานที่ลดลงไปได้แค่ไหน เพราะจะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องเค้นพลังงานมากจนเกินไป และกันไม่ให้งานทุกอย่างที่ทำพร้อมกันนั้นพังไปหมด 

 

ใช้ Map and Match เป็นประจำ: การกำหนดขอบเขตงาน (Mapping) และการหาหน้าที่ที่เหมาะสมกับแต่ละคนลักษณะเดียวกับการจับคู่ (Matching) สามารถช่วยลดงานให้คนเก่งและพนักงานแต่ละคนได้อย่างมาก 

เพราะทำให้แต่ละคนได้ทำงานที่ถนัดและตรงความสามารถ ขณะเดียวกันยังปักหมุดให้รู้ไว้ด้วยว่า หากติดขัดเรื่องไหนควรไปขอความช่วยเหลือจากใคร 

ชี้ให้เห็นว่าอัปเดตก็สำคัญ: Overload Defusion ข้อสุดท้าย คือ การหมั่นหาความรู้ใหม่ ทั้งเพิ่มพูนทักษะที่มีอยู่ให้ทันสมัยขึ้น (Upskilling) และเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ให้ทันยุคสมัย (Reskilling) โดยในส่วนของผู้บริหารคือการจัดอบรมให้พนักงาน 

เพราะเมื่อทักษะและความรู้ของแต่ละคนไม่ตกยุค ก็จะทำให้พนักงานแต่ละคนเข้าใจกันและประสานงานกันง่ายขึ้น เหมือนพูดภาษาเดียวกัน จนงานเสร็จได้เร็วขึ้นนั่นเอง/ fastcompany


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer