Trend: ยามรักกันทุกอย่างล้วนสวยงาม จากนั้นคู่รักส่วนใหญ่ต่างก็พัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่การแต่งงาน สร้างครอบครัวและมีลูกเป็นพยานรัก ทว่าก็ไม่ใช่ทุกคู่ที่รักกันไปตลอดรอดฝั่ง
สถานการณ์ดังกล่าวนำมาสู่การหย่า โดยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเลี้ยงลูกคนเดียวหรือทำหน้าที่นี้มากกว่าอีกฝ่าย ซึ่งมีคำเรียกในภาษาไทยว่าพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว อันตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า Solo Parents
แม้หากเลือกได้คงไม่มีใครอยากเป็น พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะนอกจากต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกแล้ว ยังต้องหารายได้หลายทางมาจุนเจือครอบครัว ไล่ตั้งแต่ค่าใช้จ่ายจำเป็นไปจนถึงค่าเล่าเรียนและค่ารักษาพยาบาลกรณีที่ลูก ๆ เจ็บป่วย
แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหลายประเทศกลับมีพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น โดยเมื่อปี 2020 สหรัฐฯ มีพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวทั่วประเทศอยู่ราว 10 ล้านคน ท่ามกลางการประเมินว่า 1 ใน 3 ของเด็กอเมริกันโตมาในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว

ปี 2021 ออสเตรเลียระบุว่า ครอบครัวแบบเลี้ยงเดี่ยว เป็นรูปแบบครอบครัวที่เพิ่มขึ้นมากสุด ด้านแคนาดาเผยว่า 15 ปีมานี้ ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ครอบครัวแบบนี้ยังเพิ่มขึ้นเช่นกันในเอเชียหลายประเทศ เช่นที่จีน เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า
จนองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดว่าเมื่อถึงปี 2030 จำนวนครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวในประเทศสมาชิกทั้ง 38 ประเทศ จะเพิ่มขึ้น 22-29% จากปัจจุบัน

เทรนด์ดังกล่าวเกิดจากยอดการหย่าร้างที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก สังคมยอมรับครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวมากขึ้น และครอบครัวประเภทนี้ก็มีฐานะทางการเงินดีขึ้น
ข้อมูลจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า ในระหว่างปี 1992-2022 รายได้ของครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเพิ่มขึ้นมา 45% และการมีบ้านเป็นของครอบครัวประเภทนี้ก็เพิ่มขึ้นจาก 43% เป็น 50%
การเพิ่มขึ้นของครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวทั่วโลก ยังมาจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย เช่น การลดภาษีให้ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกในสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร
ทว่าค่าครองชีพปัจจุบันที่สูงกว่าอดีตและปัญหาเศรษฐกิจก็ทำให้พ่อหรือแม่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวต้องหาเงินจากทุกทางมาจุนเจือครอบครัว และต้องตื่นตัวอยู่เสมอ จนกลายเป็นสาเหตุของความเครียด

ผลการสำรวจกลุ่มตัวอย่างในกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักรระบุว่า พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวมีปัญหาความเครียดมากที่สุดในกลุ่มประชากรทั้งหมด และสองเรื่องที่กลุ่มนี้กังวลกันมากสุดคือ ความมั่นคงทางการเงินและภาระหนี้
ด้านนักวิชาการทางสังคมในสวีเดนวิเคราะห์ว่า 3 เรื่องใหญ่ ๆ ที่พ่อหรือแม่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเครียดมากสุด คือ แหล่งรายได้ การจ้างงาน และนโยบายช่วยเหลือของภาครัฐ
จากสถานการณ์ทั้งหมดจึงกล่าวได้ว่า ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร พ่อหรือแม่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ต้องตื่นตัวและรอบคอบอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องการทำงานหาเงินเข้าบ้าน
และในเมื่อมีครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเพิ่มขึ้น รัฐบาลก็ควรปรับมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ให้ทันสมัยเพื่อไม่ให้กลุ่มนี้ถูกทอดทิ้ง เช่นที่กลุ่มประเทศยุโรปเหนือทำมาโดยตลอด จนได้ชื่อว่ามีสวัสดิการเรื่องครอบครัวดีที่สุดลำดับต้น ๆ ของโลก

และการที่สภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นเพิ่งผ่านกฎหมายให้ทั้งพ่อและแม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ร่วมกัน เพื่อลดภาระการเลี้ยงดูลูกเพียงคนเดียวของพ่อหรือแม่ ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปสิทธิการเลี้ยงดูลูกหลังหย่าครั้งแรกในรอบ 70 ปี ลดการที่พ่อหรือแม่ถูกตัดขาดจากลูกหลังการหย่า

และทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ทั้งพ่อและแม่มีสิทธิในการเลี้ยงดูลูกเท่าเทียมกันหลังหย่า เช่นเดียวกับประเทศอื่นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ G7 อีกด้วย/bbc
–
