ESG คืออะไร ทำไมแบรนด์ต้องให้ความสำคัญ กรณีศึกษา เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์

นอกจากการเป็นผู้นำในธุรกิจโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยที่มุ่งมั่นผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์และนำเสนอผลงาน “ภาพยนตร์ไทย” ไปสู่ตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการเป็นศูนย์รวมความบันเทิงที่หลากหลายแล้ว อีกหนึ่งมิติที่ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” ให้ความสำคัญมากขึ้น คือ การดำเนินธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่นให้ความสำคัญในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG)

ที่น่าสนใจคือ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) เมเจอร์ทำภายใต้แนวคิด Green Cinema โรงภาพยนตร์รักษ์โลก ที่ให้พันธมิตร คนดูหนัง ได้มีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง โดยโครงการ Green Cinema โรงภาพยนตร์รักษ์โลก มุ่งเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม 2 ส่วนหลัก ๆ คือ

ส่วนแรกคือ Recycle, Upcycling เพื่อลดปริมาณขยะ ผ่านการนำขยะไป Recycle และ Upcycling ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเมเจอร์ฯ ทำออกมาให้เป็นรูปธรรมจริง ๆ ตั้งแต่กระเป๋าจากจอหนัง โดยล่าสุดเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จับมือกับแบรนด์ Pronto เปลี่ยนจอหนังไม่ใช้แล้วเป็นกระเป๋าเทรนด์รักษ์โลก “I am Reborn from Screen” จากการทยอยเปลี่ยนเครื่องฉายระบบดิจิทัลเป็นระบบเลเซอร์ของโรงภาพยนตร์เมเจอร์ฯ  ทำให้มีการเปลี่ยนจอฉายใหม่ เพื่อให้ผู้ชมได้รับชมภาพยนตร์ที่คมชัดมากยิ่งขึ้น เมเจอร์ฯ จึงนำจอหนังเดิมมาพัฒนาออกแบบและตัดเย็บเป็นกระเป๋า โดยใช้หลัก Upcycling เปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ช่วยลดการสร้างขยะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  • เสื้อโปโล Uniform พนักงาน โดยเนื้อผ้าได้ผลิตจากเส้นใยของขวดพลาสติกรีไซเคิล (โดยเสื้อ 1 ตัว จะผลิตจากขวดพลาสติก 12 ขวด ซึ่งปัจจุบันผลิตเสื้อมาแล้ว 5,000 ตัว เทียบเท่ากับการใช้ขวดพลาสติกมากถึง 60,000 ขวด)
  • Topper ด้านบนของโต๊ะ บริเวณ Lobby หน้าโรงภาพยนตร์ ที่ผลิตจากแก้วน้ำพลาสติกของเมเจอร์
  • การใช้ถุงกระดาษแทนถุงพลาสติก
  • หลอดดูดน้ำผลิตจากวัสดุที่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ง่ายและรวดเร็ว
  • กล่องกระดาษ Popcorn ผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองฉลากสีเขียว ย่อยสลายได้ง่าย
  • ตั๋วหนังแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Ticket แทนการใช้ตั๋วหนังแบบกระดาษ
  • ถังแยกขยะ เพื่อสามารถนำขยะไปรีไซเคิลให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด

ถัดมาคือเรื่องการ Save Energy ลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษ ซึ่งเมเจอร์ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อลดการใช้พลังงานให้มากที่สุด

ที่เห็นชัดคือ การร่วมมือกับบริษัท กันตนา ในการส่งไฟล์ภาพยนตร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ไปยังโรงภาพยนตร์ในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกสาขา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีกว่า 180 สาขา เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากระบบขนส่งคอนเทนต์ภาพยนตร์ที่ต้องส่งโดยใช้ยานพาหนะ ไปให้กับสาขาต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อจัดฉายให้กับลูกค้า

เพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของผู้บริโภค เมเจอร์ฯ ได้ร่วมมือกับ ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส เปิดบริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า GINKA Charge Point โดยนำร่องที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธินเป็นแห่งแรก

นอกจากนี้ ในการดำเนินธุรกิจเมเจอร์ได้เริ่มปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ เพื่อลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษให้ได้มากที่สุด เช่น

  • การติดตั้ง Solar Rooftop ที่ปัจจุบันมีติดตั้งที่ตึก Standalone ของเมเจอร์ฯ ได้แก่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต, รัชโยธิน, สุขุมวิท-เอกมัย และเอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ งามวงศ์วาน-แคราย
  • การเปลี่ยนมาใช้เครื่องฉาย Laser Projector แทนเครื่องฉายดิจิทัล ซึ่งในปัจจุบันมีการเปลี่ยนเครื่องฉายแบบเลเซอร์แล้วกว่า 300 เครื่อง สามารถประหยัดไฟได้ถึง 3.71 ล้าน kWh ต่อปี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 1.80 ล้านกิโลกรัมคาร์บอน และลดปริมาณขยะหลอดฉายแบบซีนอน 1,200 หลอดต่อปี
  • การเปลี่ยนมาใช้เครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงานแบบอัจฉริยะ ในโรงภาพยนตร์แทนการใช้เครื่องปรับอากาศแบบเดิม โดยตัวเครื่องจะมีเซนเซอร์ตรวจจับจำนวนลูกค้าที่กำลังชมภาพยนตร์ในแต่ละโรงแล้วปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับจำนวนคน
  • M Skywalk เพิ่มพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ในการออกกำลังกายสาธารณะที่สามารถมาใช้บริการได้ฟรี ที่ชั้นดาดฟ้าตึกอเวนิว เมเจอร์ฯ รัชโยธิน

ด้านสังคม (Social) อย่างที่รู้กันว่า เมเจอร์ฯ นั้นมี “มูลนิธิเมเจอร์ แคร์” ที่ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปี สร้างโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือและสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับสังคม โดยมี 3 กิจกรรมหลัก คือ

1. กิจกรรมเปิดโลกกว้างสร้างรอยยิ้ม มอบความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเราะให้กับน้อง ๆ ผู้ด้อยโอกาส, ผู้พิการ, ผู้สูงอายุ โดยการพามาชมภาพยนตร์ฟรี พร้อมอิ่มอร่อยกับป๊อปคอร์น ที่โรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ฯ ทุกสาขา ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันมูลนิธิได้นำน้อง ๆ และผู้สูงอายุ มาร่วมชมภาพยนตร์แล้วกว่า 360,000 คน

2. กิจกรรมห้องหนังเพื่อการเรียนรู้ ส่งมอบห้องหนังให้กับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล เพื่อเปิดโลกทัศน์ และสร้างแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์การ์ตูน และสารคดีความรู้ต่าง ๆ ซึ่งได้ส่งมอบห้องหนังเพื่อการเรียนรู้ไปแล้วจำนวน 65 โรงเรียน ใน 63 จังหวัด และตั้งเป้าจะส่งมอบห้องหนังให้ครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ

3.กิจกรรมมาเติมรอยยิ้มให้เต็มหัวใจ มอบทุนการศึกษาให้กับน้อง ๆ ด้อยโอกาส และน้อง ๆ ผู้มีความพิการและบกพร่องทางร่างกายและสติปัญญา โดยมอบทุนปีละ 20 ทุน ทุนละ 10,000 บาท

ขณะที่การดูแลพนักงาน เมเจอร์ฯ ให้ความสำคัญกับสวัสดิการและความเท่าเทียม เพื่อลดความเลื่อมล้ำ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ที่พิการหรือมีความบกพร่องด้านร่างกายหรือสติปัญญาได้ร่วมงานกับเมเจอร์ โดยมีตำแหน่งการจ้างงานรองรับ

ด้านการกำกับดูแลกิจการ (Governance) นอกจากมุ่งมั่นที่จะทำให้องค์กรมีธรรมาภิบาลที่ดี มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันแล้ว เมเจอร์ฯ ยังปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร 9 Rules Of Success ให้กับพนักงานและผู้บริหาร เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง แข็งแรง และยั่งยืน ของทั้งองค์กรและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน

ความพิเศษของเส้นทาง ESG ของเมเจอร์ฯ คือการให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์พันธมิตรที่เข้ามาร่วมจัดกิจกรรม หรือแม้แต่ลูกค้าอย่างเรา ๆ แค่เข้าไปดูหนังก็เท่ากับสนับสนุนการ Recycle, Upcycling ที่เมเจอร์ฯ ตั้งใจทำ

ทั้งนี้ เมเจอร์ยังเชิญชวนแบรนด์พันธมิตรต่าง ๆ มาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริงไปด้วยกัน

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer