สงครามการค้าระลอกใหม่ระหว่าง “จีน” กับ “สหรัฐอเมริกา” กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยกลิ่นของสงครามการค้าเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีความไม่พอใจ (ไม่ชอบ) จีนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในตอนนั้นทรัมป์ใช้วิธีคุมกำเนิดไม่ให้เศรษฐกิจจีนเติบโตมากจนเกินสหรัฐฯ เพราะทรัมป์กังวลและรู้ว่าถ้าไม่ทำอะไรมีโอกาสที่ขนาดเศรษฐกิจของจีนจะโตแซงสหรัฐฯ  ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลก

มาจนถึงวันนี้เมื่อกาลเวลาผันเปลี่ยนตัวผู้นำเปลี่ยนจาก ทรัมป์ มาเป็น ไบเดน ช่วงแรกดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนก็เหมือนจะดีขึ้น เนื่องจาก โจ ไบเดน มีการดำเนินนโยบายทางการทูตกับจีน รวมไปถึงพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านโครงการต่าง ๆ ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ยกเลิกนโยบาย “กดดัน” ทางการค้ากับจีนที่มีมาตั้งแต่ยุคสมัยทรัมป์แต่อย่างใด หนำซ้ำยังเพิ่มความรุนแรงของมาตรการขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ

มาจนถึงวันนี้วันที่สหรัฐอเมริกาใกล้วันเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่เข้ามาทุกที (25 พฤศจิกายน 2024) เราเริ่มได้เห็นสัญญาณความเข้มงวดที่ทีมบริหารของไบเดนตั้งใจสาดใส่จีนมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในมิติการค้าการลงทุน ที่ทำเนียบขาวถึงกับออกแถลงการณ์ชัดเจนเลยว่า พวกเขาตั้งใจวางไทม์ไลน์ในการขึ้นภาษีศุลกากรขาเข้าแบบรุนแรงกับสินค้าสำคัญของจีนที่นำเข้ามาในสหรัฐฯ  อย่างที่เคยเขียนถึงนโยบายการกีดกันไม่ให้รถ EVs จากจีนเข้ามาทำตลาดในสหรัฐฯ โดยทีมรัฐบาลของสหรัฐฯ บอกว่าทำไปเพื่อ “ปกติอุตสาหกรรมและแรงงานในสหรัฐฯ” ไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการดัมป์ราคาเกินจริงของผู้ค้าชาวจีน ในบทความนี้เราจะมาดูว่าเมื่อสหรัฐฯ ดำเนินการดังนี้แล้ว จีนจะมีวิธีการตอบโต้สหรัฐฯ อย่างไร และที่มาที่ไปของการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีนนั้นเป็นมาอย่างไร มาติดตามจากบทความนี้

มาตรา 301 ภาษีศุลกากรของสินค้าที่นำเข้าจากจีน

ในปี 2018 ฝ่ายบริหารของทรัมป์ใช้มาตรา 301 ของพระราชบัญญัติการค้าปี 1974 ซึ่งใจความสำคัญของมาตราดังกล่าวระบุว่า

“มาตรา 301 ของพระราชบัญญัติการค้าปี 1974 เป็นบทบัญญัติที่อนุญาตให้สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกา (USTR) กำหนดอัตราภาษีเพื่อจัดการกับอุปสรรคทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม และลงโทษประเทศที่ละเมิดข้อตกลงทางการค้าของสหรัฐอเมริกา”

เมื่อเห็นช่องเช่นนี้ทรัมป์จึงใช้มาตรา 301 แห่ง พ.ร.บ. การค้าฯ เป็นเหมือนดั่งอาวุธที่ใช้ตรวจสอบแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ทรัมป์มองว่าไม่เป็นธรรมของจีน ทั้งในด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา และนวัตกรรม การสอบสวนในครั้งนั้นนำไปสู่การที่รัฐบาลทรัมป์กำหนดอัตราภาษีศุลกากรต่อสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนเพิ่มขึ้น 4 รอบสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมดถึง 2 ใน 3 ของรายการสินค้านำเข้าจากจีน

การกระทำเหล่านี้นำไปสู่ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนนานถึง 2 ปี ทั้งยังส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางการค้าทั่วโลกไม่มั่นคง ในขณะที่ธุรกรรมทางการค้าและการลงทุนถูกขัดขวางจากข้อพิพาททางการค้าที่เกิดขึ้น การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ สำหรับปัจจัยการผลิตขั้นกลางที่นำเข้าจากจีนส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัทในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นและยังส่งผลกระทบไปยังต้นทุนค่าครองชีพของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ด้วย

 

จีนไม่ได้นิ่งเฉยให้สหรัฐฯ กระทำฝ่ายเดียว

ข่าวที่นำเสนอส่วนใหญ่ดูเหมือนว่ามีเพียงสหรัฐฯ ที่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ให้จีนต้องเดินตาม ที่เป็นแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะสหรัฐฯ เป็นตลาดปลายทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยมูลค่าการส่งออกสินค้าและวัตถุดิบการผลิตเฉพาะปี 2022 ก็ 551,000 ล้านดอลลาร์ ส่งให้จีนเป็นผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 1  ซึ่งถ้ากำแพงภาษีสูงขึ้นนั่นหมายถึงจีนก็จะส่งออกสินค้าไปขายยังสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น เพราะถึงแม้สินค้าจะเข้าไปได้แต่ราคาสุดท้ายที่ผู้บริโภครับรู้จะสูงมากจนผู้บริโภคหันไปหาสินค้าทดแทนจากประเทศอื่น และทำให้จีนขายของไม่ได้!

เพื่อรักษาความชอบธรรมให้กับตัวเองนับตั้งแต่ปี 2018 ในสมัยโดนัลด์ ทรัมป์ จีนก็ไม่ได้นิ่งเฉย กลับกันจีนออกมาตรการตอบโต้ทางการค้าตามไทม์ไลน์ดังต่อไปนี้

ไทม์ไลน์การบังคับใช้กฎหมายเพื่อกีดกันสินค้าจีน และจีนก็ออกนโยบายตอบโต้สหรัฐฯ เช่นกัน

  • 6 กรกฎาคม 2018 สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 34 พันล้านดอลลาร์ จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% จากสินค้ามูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์
  • 23 สิงหาคม 2018 สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์ จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้ามูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์
  • 24 กันยายน 2018 สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษี 10% สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ จีนตอบโต้ด้วยภาษี 5% และ 10% สำหรับสินค้ามูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ
  • 10 พฤษภาคม 2019 สหรัฐฯ ขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์
  • 1 มิถุนายน 2019 จีนตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีเป็น 5%, 10%, 20% และ 25% สำหรับสินค้ามูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์
  • 1 กันยายน 2019 สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษี 15% สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 112 พันล้านดอลลาร์ จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 5% และ 10% สำหรับส่วนแรกของสินค้ามูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์
  • 13 ธันวาคม 2019 สหรัฐฯ ระงับกำหนดวันที่ 15 ธันวาคม 2019 โดยจะเก็บภาษีสินค้าจีนมูลค่า 160 พันล้านดอลลาร์ จีนระงับกำหนดวันที่ 15 ธันวาคม 2019 โดยเก็บภาษีสินค้าส่วนที่สองมูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์
  • 15 มกราคม 2020 สหรัฐฯ และจีนลงนามในข้อตกลงการค้าระยะที่ 1
  • 14 กุมภาพันธ์ 2020 สหรัฐฯ ลดภาษีลงครึ่งหนึ่งในวันที่ 1 กันยายน 2019 โดยเก็บภาษีสินค้าจีนมูลค่า 112,000 ล้านดอลลาร์ จีนลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าสหรัฐฯ มูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 กันยายน 2019 ลงครึ่งหนึ่ง
  • สุดท้ายคือวันที่ 2 มีนาคม 2020 จีนยกเลิกภาษีตอบโต้สำหรับสินค้าสหรัฐฯ จำนวน 696 รายการเป็นการชั่วคราว สินค้าเกษตรของสหรัฐฯ จำนวนมากถูกรวมไว้ด้วย

 

เมื่อยุคสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ผ่านพ้นไป ยุคสมัยใหม่แห่งความคาดหวังว่าความขัดแย้งระหว่างจีนกับอเมริกาจะทุเลาลง ที่จริงก็ควรเป็นแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด

 

ไบเดนซ้ำย้ำแผลแห่งความแตกแยก

14 พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ชื่อ “FACT SHEET: President Biden Takes Action to Protect American Workers and Businesses from China’s Unfair Trade Practices”  โดยใจความสำคัญของแถลงการณ์ฉบับนี้พูดถึงการการดำเนินการขึ้นภาษีศุลกากรเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมการผลิตและแรงงานของประเทศสหรัฐอเมริกาโดยเป็นดำริของ โจ ไบเดน โดยมีใจความสำคัญ คือ

สีหน้าท่าทางอันเด็ดเดี่ยวของโจ ไบเดน ที่ประกาศสงครามการค้ากับจีนก่อนโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงในช่วงสิ้นปีนี้ CNN

สหรัฐฯ มองว่า จีนเล่นไม่ซื่อในเรื่องการค้า ทั้งในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา นวัตกรรม ซึ่งกำลังคุกคามธุรกิจและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชนชาวอเมริกัน ซึ่งอาจรวมไปถึงจีนกำลังทำลายห่วงโซ่อุปทานของโลกใบนี้

 

รถอีวีจำนวนมากที่รอการส่งออกค้างอยู่ที่ท่าเรือเมืองซูโจวทางตะวันออกของจีน: CNN

นอกจากนี้ จีนยังใช้วิธีส่งออกสินค้าในราคาต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อหวังทำลายโครงสร้างราคาสินค้าอย่างที่ควรจะเป็น (ทุ่มตลาด) ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ รับไม่ได้ เพื่อเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ (อเมริกา) ประธานาธิบดี โจ ไบเดน จึงใช้อำนาจตามมาตรา 301 แห่งพระราชบัญญัติการค้า 1974 ต่อสินค้านำเข้าจากประเทศจีนมูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์

และหลังจากผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ได้มีการทบทวนอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับมาตรการที่สหรัฐฯ จะบังคับใช้กับสินค้าที่นำเข้าจากจีน ประธานาธิบดีไบเดนกำลังดำเนินการเพื่อปกป้องแรงงานชาวอเมริกันและบริษัทอเมริกันจากแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน

และเพื่อส่งเสริมให้จีนขจัดแนวทางปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา และนวัตกรรม ประธานาธิบดีไบเดนกำลังกำกับดูแลโดยการเพิ่มภาษีศุลกากรในส่วนของสินค้ายุทธศาสตร์ เช่น เหล็กและอะลูมิเนียม เซมิคอนดักเตอร์ ยานพาหนะไฟฟ้า แบตเตอรี่ แร่ธาตุที่สำคัญ เซลล์แสงอาทิตย์ เรือ-เครนเข้าฝั่ง และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ดังต่อไปนี้

  • เหล็กและอะลูมิเนียม เพิ่มขึ้นจาก 0-5% เป็น 25% ในปี 2024
  • เซมิคอนดักเตอร์ เพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 50% ภายในปี 2025
  • รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 100% ในปี 2024
  • แบตเตอรี่ ส่วนประกอบและชิ้นส่วนแบตเตอรี่ และแร่ธาตุสำคัญที่ใช้เป็นส่วนประกอบของแบตเตอรี่
  1. แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน EV จะเพิ่มขึ้นจาก 7.5% เป็น 25% ในปี 2024 ในขณะที่อัตราภาษีสำหรับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ไม่ใช่ EV จะเพิ่มขึ้นจาก 7.5% เป็น 25% ในปี 2026 อัตราภาษีสำหรับชิ้นส่วนแบตเตอรี่จะเพิ่มขึ้นจาก 7.5% เป็น 25% ในปี 2024
  2. กราไฟต์ธรรมชาติและแม่เหล็กถาวรจะเพิ่มขึ้นจากศูนย์เป็น 25% ในปี 2026 อัตราภาษีสำหรับแร่สำคัญอื่นๆ บางชนิดจะเพิ่มขึ้นจากศูนย์เป็น 25% ในปี 2024
  • โซลาร์เซลล์ เพิ่มจาก 25% เป็น 50% ภายในปี 2024
  • เครนขนส่งสินค้าชายฝั่ง เพิ่มจาก 0% เป็น 25% ภายในปี 2024
  • ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
  1. เข็มฉีดยาและเข็มจะเพิ่มขึ้นจาก 0% เป็น 50% ในปี 2024
  2. อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) บางประเภท รวมถึงเครื่องช่วยหายใจและหน้ากากอนามัยบางประเภท อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นจาก 0–7.5% เป็น 25% ในปี 2024
  3. ถุงมือยางทางการแพทย์และศัลยกรรมจะเพิ่มขึ้นจาก 7.5% เป็น 25% ในปี 2026

 

จะเห็นว่าประธานาธิบดี โจ ไบเดน แม้จะไม่ได้ท่าทางดุดันเกี้ยวกราดเหมือนกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์แต่เวลาที่ต้องบังคับใช้นโยบายเชิงกีดกันทางการค้าก็แรงไม่ใช่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อโจ ไบเดนส่งสัญญาณชัดขนาดนี้มีหรือที่จีนจะไม่ทำอะไร

 

การตอบโต้ของพญามังกร

กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์ ว่าจีน “คัดค้านอย่างเด็ดขาด” ต่อกฎหมายภาษีศุลกากรอัตราใหม่ที่ออกคำสั่งโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน

นายหวัง เหวินเทา รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีน: CNN

ในถ้อยแถลงการณ์ระบุว่า “การขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ขัดแย้งกับคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่จะไม่พยายามปราบปรามและจำกัดการพัฒนาของจีน และไม่พยายามแยกตัวและทำลายความสัมพันธ์กับจีน” “การดำเนินการนี้จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความร่วมมือทวิภาคีอย่างจริงจัง”

นอกจากนี้ หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าว “จีนต่อต้านการเก็บภาษีศุลกากรฝ่ายเดียวซึ่งเป็นการฝ่าฝืนกฎ (องค์การการค้าโลก: WTO ) และจะดำเนินนโยบายที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของจีน” เมื่อวันอังคารไม่นานก่อนการประกาศของทำเนียบขาวที่ผู้คนต่างรอคอยกันอย่างกว้างขวาง

กระทรวงพาณิชย์ของจีนตอบโต้การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ว่า “เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความร่วมมือทวิภาคีอย่างจริงจัง สหรัฐฯ ควรแก้ไขเรื่องนี้ทันที และยกเลิกภาษีเพิ่มเติมที่ทำกับจีน ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบโต้ จีนจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตัวเอง”

นอกจากนี้ จีนยังได้ส่งสัญญาณเป็นนัย ๆ ไปยังสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรถึงการกระทำที่ส่งผลในเชิงลบต่อทั้งความสัมพันธ์ทางการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์ว่ากำลังเริ่มกระบวนการสอบสวนในข้อสงสัยว่าอาจจะมีการทุ่มตลาดในสินค้าบางประเภท เช่น โพลีออกซีเมทิลีนหรือ POM  โคพอลิเมอร์ ซึ่งเป็นเทอร์โมพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ชิ้นส่วนรถยนต์ไปจนถึงอิเล็กทรอนิกส์ ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ไต้หวัน และญี่ปุ่น โดยการสอบสวนน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีถึงจะเสร็จสิ้น

ตอนนี้ดูเหมือนว่าจีนยังไม่ได้มีการดำเนินมาตรการที่รุนแรงกับสหรัฐฯ แต่ก็เริ่มโยนหินถามทางแล้วว่า ถ้าสหรัฐฯ ยังขืนดึงดันที่จะใช้นโยบายขึ้นภาษีศุลกากรเพื่อบล็อกจีนออกจากการค้าขาย คาดว่าจีนจะค่อย ๆ ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ แบบถึงพริกถึงขิงอย่างแน่นอน ซึ่งจากการคาดการณ์ความเข้มข้นของ Trade War ในครั้งนี้จะค่อย ๆ เพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อย ๆ ไปจนกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมาถึง ♦


เรื่อง: ณัฐศกรณ์ แสงลับ


อ้างอิง

https://www.whitehouse.gov/briefing-room/statements-releases/2024/05/14/fact-sheet-president-biden-takes-action-to-protect-american-workers-and-businesses-from-chinas-unfair-trade-practices/

https://edition.cnn.com/2024/05/20/business/china-anti-dumping-us-eu-intl-hnk/index.html

https://edition.cnn.com/2024/05/14/business/china-reaction-biden-tariffs/index.html

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer