Thai NVDR คือใคร หลายคนอาจจะสงสัย จากการเห็นชื่อ บริษัท ไทย เอ็นวีดีอาร์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เสมอ และยังเป็นบริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สูงในแต่ละวัน

ซึ่งบริษัท ไทย เอ็นวีดีอาร์ จำกัด เป็นบริษัทที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งขึ้นมาในปี 2543 เพื่อทำหน้าที่ดูแลการซื้อขายตราสาร NVDR (Non-Voting Depository Receipt) หรือใบแสดงสิทธิ์ในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย ทั้งสิทธิ์ในการรับเงินปันผลจากหุ้นของบริษัทที่ซื้อจากตราสาร NVDR และ Capital Gain หรือส่วนต่างจากการซื้อขายหุ้น

ยกเว้นเพียงผู้ถือตราสาร NVDR ไม่สามารถออกสิทธิ์ออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นได้ และมีการจำกัดเพดานของการซื้อหุ้นแต่ละบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาด MAI (Market for Alternative Investment) ผ่านตราสาร NVDR

และเมื่อเกิดการซื้อตราสาร NVDR ในหุ้นแต่ละบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัท ไทย เอ็นวีดีอาร์ จำกัด จะเป็นตัวแทนนำตราสารในหุ้นที่ซื้อไปซื้อเป็นจำนวนหุ้นจริงต่ออีกที

ทำให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์หลายบริษัทมีชื่อ บริษัท ไทย เอ็นวีดีอาร์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นหลักโดยปริยาย

 

อ้างอิงจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 10 กันยายน 2567 พบว่า 3 หุ้นที่บริษัท ไทย เอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือครองมากที่สุด (ไม่รวมรายการที่รอชำระราคา และส่งมอบ) ได้แก่

TTB (บมจ. ธนาคารทหารไทยธนชาติ) จำนวน 4,797.36 ล้านหุ้น

TRUE (บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น) จำนวน 4,495.29 ล้านหุ้น

PSG (บมจ. พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น) จำนวน 4,143.94 ล้านหุ้น

ส่วนหุ้น บมจ. ที่บริษัท ไทย เอ็นวีดีอาร์ จำกัดมีเปอร์เซ็นต์ถือครองมากที่สุด (ไม่รวมหุ้นบุริมสิทธิ, ใบแสดงสิทธิ์ที่จะซื้อหุ้นสามัญ) 3 อันดับแรก ได้แก่

MORE (บมจ. มอร์ รีเทิร์น) จำนวน 29.66%

BBL (บมจ. ธนาคารกรุงเทพ) 24.00%

KBANK (บมจ. ธนาคารกสิกรไทย) 16.41%

 

สำหรับนักลงทุนที่ถือตราสาร NVDR เหมือนกับผู้ถือหุ้นคนไทย ทั้งการได้รับเงินปันผล และ Capital Gain หรือกำไรส่วนต่างจากการซื้อขายหุ้น เว้นแต่ไม่สามารถออกเสียงในที่ประชุมได้

ซึ่งการลงทุนของต่างชาติผ่านตราสาร NVDR มีความแตกต่างจากการลงทุนหุ้น Foreign หรือหุ้นที่มี -F ด้านหลัง หุ้นที่แยกตัวออกมาจากหุ้นหลัก ที่เปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อขาย

หุ้นประเภท Foreign หรือ -F จะมีมูลค่าการซื้อขายต่อหุ้นที่แตกต่างจากหุ้นหลัก มีปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันที่ต่ำ และนักลงทุนผ่านหุ้น Foreign จะได้รับผลจากการลงทุนเพียง Capital Gain แต่ไม่ได้รับเงินปันผลจากหุ้นที่ลงทุน เช่น หุ้น KBANK มีมูลค่าการซื้อขายหุ้นละ 156 บาท แต่หุ้น KBANK-F มีมูลค่าการซื้อขายหุ้นละ 155 บาทต่อหุ้น

ตั้งแต่อดีตตราสาร NVDR มีวัตถุประสงค์หลัก คือเป็นเครื่องมือให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ที่ผ่านมาได้มีนักลงทุนไทยที่ซื้อตราสาร NVDR เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ รวมการหลีกเลี่ยงปฏิบัติตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งไว้  ทำให้วันที่ 1 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. จึงปรับปรุงเกณฑ์การซื้อขายตราสาร NVDR ให้เฉพาะสำหรับต่างชาติเท่านั้น ส่วนคนไทยที่ถือตราสาร NVDR อยู่สามารถนำมาเปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญของหลักทรัพย์ในตราสารได้ หรือสามารถคงสิทธิ์การถือตราสาร NVDR ที่มีอยู่ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2567 ได้

ทำให้ในวันนี้ปริมาณการซื้อขายตราสาร NVDR เพื่อให้ บริษัท ไทย เอ็นวีดีอาร์ จำกัด เป็นตัวแทนเข้าซื้อหุ้นในบริษัทที่ระบุไว้ผ่านตราสารจึงเป็นปริมาณการซื้อขายจากนักลงทุนต่างชาติที่แท้จริง และยังคงมีจำนวนการซื้อขายในแต่ละวันผ่าน บริษัท ไทย เอ็นวีดีอาร์ จำกัด เป็นจำนวนมาก

เช่น วันที่ 10 กันยายน 2567 มีมูลค่าการซื้อขายผ่าน NVDR ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาด MAI มากถึง 29,220.02 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการซื้อขายมากถึง 22% จากมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด 66,045.93 ล้านบาทของทั้งสองตลาดในวันนั้น

ส่วนปริมาณการซื้อขายผ่าน NVDR มีจำนวน 1,916.76 ล้านหุ้น จากจำนวนการซื้อขายทั้งหมด 11,780.23 ล้านหุ้น

อย่างไรก็ดี การที่ บริษัท ไทย เอ็นวีดีอาร์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือถือหุ้นจำนวนมากมีผลต่อราคาหุ้นจากการเทขาย หรือเข้าซื้อของต่างชาติที่อาจจะส่งผลดีและผลเสียต่อตลาดหุ้นไทยได้


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer