Trend/ราว 10 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยการที่ค่ายรถทุกค่ายหันไปผลิตรถอีวีที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100%
สิ่งที่ตามมาคือรถใช้น้ำมันที่นับถอยหลังสู่การเป็นอดีต และรถอีวีกลายเป็นยานยนต์แห่งอนาคต ท่ามกลางเป้าหมายเปลี่ยนไปผลิตรถอีวีกันทั้งสายพานผลิตของค่ายรถทุกค่ายทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ปี 2024 สถานการณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังไม่ต่างจากเครื่องยนต์สะดุด หลังยอดขายรถอีวีไม่ขยายตัวเร็วดังที่หวังกันไว้ โดยเฉพาะในประเทศซีกโลกตะวันตก โดยตัวเลขที่ยืนยันสถานการณ์ดังกล่าวคือ ยอดขายรถอีวีทั่วยุโรปซึ่งลดลงมาอยู่ที่ 12.5% จากปี 2023
นี่นำมาสู่ความกังวลที่ว่า ประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปหลายประเทศ อาจไม่สามารถซื้อขายแต่รถอีวีได้ตามเป้าที่ตั้งไว้เท่านั้น
ขณะที่สหรัฐฯ ก็ประสบปัญหายอดขายรถอีวีตกเช่นกัน โดยผลกระทบจากเรื่องนี้ทำให้ค่ายรถใหญ่ ๆ ทั้ง Volvo, Ford, GM และ BMW เลื่อนเป้าหมายการผลิตรถอีวีทั้งสายการผลิตออกไป
ด้าน Toyota ก็เลื่อนเป้าหมายการผลิตรถอีวีป้อนตลาดสหรัฐฯ จากปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026 ไปเป็นภายในปี 2026 แทน
ไม่ใช่ค่ายรถเก่าแก่ที่ก่อตั้งบริษัทตั้งแต่ยุครถน้ำมันเท่านั้นที่ยอดขายรถอีวีตก เพราะยอดขายของ Tesla ค่ายรถอีวีดังก็ไม่มากตามที่ตั้งเป้าไว้
ในสถานการณ์เช่นนี้บรรดาค่ายรถจึงต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายเพื่อชดเชยยอดขาย นำมาสู่การปลดพนักงาน
Tesla ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2024 อาจต้องปลดพนักงานราว 14,000 คน ส่วน Volkswagen หนักกว่า โดยแจ้งข่าวร้ายว่าอาจต้องปลดพนักงานในเยอรมนีมากถึง 120,000 คน ซ้ำร้ายยังต้องปิดโรงงาน 2 แห่ง
ในส่วนของ Volkswagen ถือเป็นข่าวใหญ่ เพราะแผนกู้วิกฤตครั้งนี้ทำให้ Volkswagen ผิดสัญญาที่ให้ไว้เมื่อปี 1994 ว่าจะไม่มีการปลดพนักงานจนถึงปี 2029
พิษยอดขายรถอีวีตกยังลามไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งในยุโรป สหรัฐฯ และออสเตรเลียอีกด้วย โดย Northvolt บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รถอีวีในสวีเดน ซึ่งยังเป็นแห่งแรกในยุโรป ประกาศว่าต้องปลดพนักงาน ทั้งที่สำนักงานใหญ่ ศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมไปถึงที่โรงงานผลิต เป็นจำนวนรวม 1,600 คน
ขณะที่เงินมหาศาลดอลลาร์ที่รัฐบาลออสเตรเลียลงทุนไปเพื่อใช้พัฒนาการอุตสาหกรรมเหมืองลิเทียม ทั้งเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดรถอีวี
แปรรูปให้สามารถนำไปใช้ผลิตแบตเตอรี่รถอีวีได้เลยโดยไม่ต้องส่งออกไปให้จีนแปรรูปแทนนั้น คงจะยังไม่คืนทุนหรือออกดอกออกผลเป็นกำไรในอนาคตอันใกล้
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ยอดขายรถอีวีลดลง หรือโตช้าผิดคาดนี้ เกิดจากหลายสาเหตุประกอบกัน ทั้งจุดชาร์จที่ยังไม่ทั่วถึง รัฐบาลบางประเทศ เช่น แถบยุโรป ลดเงินสนับสนุนผ่านการลดภาษีเพื่อจูงใจให้ซื้อรถอีวี และยอดขายรถไฮบริดที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง/bbc, theguardian
–