Trend/เพราะเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของโลก เรื่องราวของผู้มีอายุระหว่าง 12- 27 ปี หรือ Gen Z เช่น พฤติกรรมต่าง ๆ ลักษณะนิสัย และทัศนคติต่อการทำงาน จึงได้รับความสนใจและกลายเป็นข่าวอยู่เสมอ

การจับจ่ายใช้สอยสินค้าก็เป็นอีกประเด็นของ Gen Z ที่ได้รับความสนใจเช่นกัน โดยล่าสุดสื่อหลายสำนักรายงานไปทิศทางเดียวกันว่า แม้ยังซื้อสินค้าแฟชั่นไม่ต่างจาก Gen X และ Babyboomers ที่เป็นรุ่นพ่อแม่และรุ่นตายาย
แต่ถ้าสินค้าเหล่านั้นเป็นของปลอมพวกเขาก็รับได้ ขนาดกล้าซื้อมาใส่มาใช้ จนหลายครั้งมองข้ามของแท้ไปเลย
CNN รายงานว่า Gen Z ในจีนหันไปซื้อของปลอม สินค้าทำเหมือนที่ใกล้เคียงกับสินค้าแบรนด์หรู ทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม น้ำหอมราคาแพง ไปจนถึงกางเกงใส่เล่นโยคะกันมากขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักต้องการสินค้าที่ยังดูดีแต่ราคาถูกลง

รายงานของ CNN ยกตัวอย่างนางแบบจีนวัย 23 ปีที่หันมาใช้น้ำหอมที่ทั้งชื่อกลิ่นคล้ายแบรนด์ดัง แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า
และครูประถมวัยใกล้เคียงกันที่ซื้อกางเกงโยคะจากแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซมาหลายตัว หลังเห็นว่าราคาเพียงตัวละ 35 หยวน (ราว 163 บาท) ถูกกว่าของแท้จากแบรนด์ดัง Lululemon ซึ่งราคาถึงตัวละ 750 หยวน (ราว 3,500 บาท)

ทั้งสองให้เหตุผลตรงกันว่า ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่าย เน้นซื้อของที่ราคาถูกเข้าไว้แต่ขณะเดียวกันก็ยังดูดีและคล้ายของจริง หลังรายได้ลดลงไป จากพิษเศรษฐกิจในประเทศ
และคิดว่าพวกตนยังโชคดีที่มีงานทำอยู่ ตรงข้ามกับเพื่อนวัยเดียวกันเป็นจำนวนมากว่างงาน ท่ามกลางอัตราการว่างงาน ในกลุ่ม Gen Z จีนตามการเปิดครั้งล่าสุดของรัฐบาลเมื่อสิงหาคม ปี 2024 ที่สูงถึง 18% ถือว่าสูงสุดตั้งแต่ช่วงมกราคมปีเดียวกัน
การซื้อของปลอมหรือของทำเหมือนนี้มีคำเรียกในภาษาจีนว่า ปิงตี้ โดยนี่กำลังเป็นเทรนด์ ยืนยันได้จากข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาทางการตลาด Mintel สาขาในจีนที่ว่า นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ยอดการค้นหา ปิงตี้ ตามสื่อโซเชียลจีนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า

อันเป็นการสะท้อนถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าแฟชั่นและแบรนด์หรูของชาวจีนที่เปลี่ยน หันมาซื้อของผลิตในประเทศ รวมถึงของปลอมหรือของเทียบกันมากขึ้น ต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนซึ่งชาวจีนถือเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของแบรนด์หรูเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ
เทรนด์ ปิงตี้ ในกลุ่ม Gen Z จีน ส่งผลโดยตรงต่อยอดขายของสินค้าแบรนด์หรู โดยทำให้ครึ่งแรกของปี 2024 ยอดขายของในเอเชียของเครือ LVMH บริษัทแม่ Louis Vuitton ในเอเชียลดลงไป 10%
ด้าน Gen Z ในสหรัฐฯ และยุโรป ก็หันไปซื้อของปลอม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแฟชั่นกันมากขึ้นเช่นกัน โดยทั้งสำนักข่าว CNBC ของสหรัฐฯ และ The guardian ของอังกฤษรายงานว่าเทรนด์ดังกล่าวคือ Dupe อันเป็นการเรียกคำว่า Duplicate ซึ่งหมายถึงของปลอมแบบย่อ ๆ นั่นเอง
CNBC รายงานว่า 40% ของกลุ่มตัวอย่าง Gen Z ในสหรัฐฯ กล้าพูดอย่างเต็มปากเลยว่า เคยซื้อของปลอม

ขณะที่ The Guardian ระบุว่าของที่ขายดีอันดับต้น ๆ ในเทรนด์ Dupe ในหมู่ Gen Z คือรองเท้าของ Adidas รุ่น Samba และ 11% ของกลุ่มตัวอย่าง Gen Z ในสหราชอาณาจักร ก็กล้าพูดอย่างเต็มปากเช่นกันว่า ซื้อของปลอมอย่างน้อยเดือนละครั้ง
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เทรนด์ Dupe บูมขึ้นมา สื่อตะวันตกทั้ง 2 วิเคราะห์อิงจากทัศนะของนักการตลาดไปในทิศทางเดียวกันว่า เกิดจากหลายสาเหตุประกอบกัน อันได้แก่
ราคาของปลอมที่ถูกกว่าของแท้อย่างมาก Gen Z เหนื่อยกับการไล่ตามแฟชั่นหลังแบรนด์ดังผลักดันสินค้าใหม่ ๆ ออกมาแบบไม่หยุดหย่อน และกระแสของ Dupe ในสื่อโซเชียลโดยเฉพาะ TikTok ที่ Gen Z ใช้เป็นประจำ

ส่วนผลกระทบต่อแบรนด์เจ้าของสินค้าของแท้ที่ถูกลอกเลียนแบบนั้น The Guardian วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ โดยด้านหนึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อยอดขาย แต่แบรนด์หรูแบรนด์ดังก็สามารถใช้เป็นโอกาสทำการตลาดได้เช่นกัน
เช่น Lululemon ที่แก้เกมหลังเห็นของปลอมเต็มสื่อโซเชียลด้วยการทำแคมเปญนำของปลอมมาแลกของจริง เพื่อให้เห็นว่าคุณภาพดีสมราคา
ซึ่งเป็นทั้งการใช้ประโยชน์จากกระแส และกำจัดของปลอมทำลอกเลียนแบบไปพร้อมกัน ตามแผนยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวนั่นเอง ♦/cnn, cnbc, theguardian
–
