Trend/เมื่อปลายปีเวียนมาถึง ผู้คนส่วนใหญ่ก็ต่างเฝ้ารอการเฉลิมฉลอง และหนึ่งในเทศกาลใหญ่ของช่วงดังกล่าวคือคริสต์มาส ซึ่งช่วยกระตุ้นให้วงการต่าง ๆ คึกคักขึ้นมา ต่อเนื่องไปถอยหลังเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ไปด้วย

ตีกรอบให้แคบเข้าลงมาอยู่ที่แวดวงบันเทิง คริสต์มาสคือช่วงเวลาทำเงิน ซึ่งเห็นได้จากวงการเพลงที่ มาราย แครีย์ ที่เพลง All I Want for Christmas is You  กลายเป็นเพลงฮิตอันดับ 1 ของเทศกาล จนเรียกได้ว่าเป็น Passive Income ต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุค 90 ที่เพลงนี้ออกมา

ส่วนวงการหนัง คริสต์มาสก็เป็นช่วงเวลาทำเงินเช่นกัน เพราะผู้คนก็ใช้ช่วงเวลาหลังจับจ่ายซื้อของขวัญ เข้าโรงหนังเพื่อดูหนังที่ฉายในช่วงปลายปี เพื่อพักผ่อนไปด้วยในตัว ทำให้หนังที่ฉายช่วงปลายปีมีเนื้อหาหรือองค์ประกอบใดประกอบหนึ่งเชื่อมโยงกับเทศกาลคริสต์มาส จนมีการจัดกลุ่มเป็นหนังคริสต์มาสกันขึ้นมา

ทว่าราว 10 ปีมานี้พฤติกรรมการดูหนังของผู้คนเปลี่ยนไป โดยหันไปดูผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งกันมากขึ้น จนไปดูหนังตามโรงกันน้อยลง โดยเพื่อไม่ให้ต้องรอหนังออกจากโรง ตรึงผู้ชมให้อยู่ในแพลตฟอร์ม และเพิ่มคลังคอนเทนต์ สตรีมมิ่งทุกค่ายต่างก็ต้องทำหนังประเภทต่าง ๆ ลงในแพลตฟอร์ม

ซึ่งหนึ่งในหนังที่สตรีมมิ่งทุกค่ายต่างต้องสร้างเพื่อลงแพลตฟอร์มของตัวเอง ก็มีหนังคริสต์มาสรวมอยู่ด้วย โดยเรื่องนี้มีประเด็นน่าสนใจ

เพราะนี่คือกลุ่มคอนเทนต์ที่ทุกค่ายต้องแข่งกันขึ้นทำมา และแม้ยังมีธีมคริสต์มาสอยู่แต่เนื้อหาหรือรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ก็ดูเหมือนว่าฉีกกรอบออกไปได้ไม่รู้จบ และปั้นเรื่องให้เพ้อฝันอย่างไรก็ได้

ตัวอย่างล่าสุดคือ หนังเรื่อง Hot Frosty รับเทศกาลคริสต์มาส 2024 ของ Netflix ที่แฟนตาซีถึงขั้นให้นางเอกปิ๊งรักกับตุ๊กตาหิมะที่กลายร่างมาเป็นหนุ่มหล่อล่ำกันแล้ว

ความน่าสนใจของหนังคริสต์มาส ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะนี่คือหนังที่ทำกันมานานเกิน 100 ปี ค่ายสตรีมมิ่งยืมไอเดียมาทำธุรกิจอื่น ๆ โดยธุรกิจที่เป็นต้นแบบก็ทำขึ้นเพื่อต่อยอดและเป็นแผนโปรโมตให้กับธุรกิจหลัก

หนังคริสต์มาสมีประวัติยาวนาน โดยเรื่องแรก ๆ ที่ทำออกมาคือ Santa Claus หนังเงียบขาวดำยาวเพียงนาทีกว่า ๆ ของบริษัทในอังกฤษ ที่เนื้อหาหลักคือ ซานตา คลอส สอดคล้องกับชื่อเรื่องนั่นเอง

จากนั้นหนังคริสต์มาสก็ออกมาเพิ่มขึ้น ตามความก้าวหน้าและพัฒนาการต่าง ๆ ของวงการหนัง โดยพอถึงยุค 80 Die Hard กลายเป็นหนังที่ทลายกรอบหนังประเภทนี้

เพราะแม้ฉายช่วงกลางปี แต่ก็เล่าเรื่องช่วงคริสต์มาส และยังเป็นหนังทำเงินถล่มทลายอีกด้วย จึงถูกจัดอยู่ในกลุ่มหนังคริสต์มาสไปด้วยนั่นเอง

ถัดจากนั้น ค่ายหนังต่างก็ทำหนังคริสต์มาสฟอร์มเล็กฟอร์มใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีค่ายไหนที่เห็นประโยชน์ของหนังคริสต์มาสอย่างจริงจัง

จุดเปลี่ยนของตลาดหนังคริสต์มาสมาถึงในปี 2009 เมื่อสถานีโทรทัศน์ Hallmark Channel ใต้ชายคาบริษัทผู้ผลิตการ์ดอวยพร Hallmark ชื่อดังได้รับคำสั่งจากบริษัทแม่ให้ทำหนังคริสต์มาสออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายการ์ดอวยพรเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งก็ประสบผลสำเร็จดีทีเดียว

ต่อมาเมื่อแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งเริ่มโต แต่ละค่ายต่างก็ต้องเพิ่มคลังคอนเทนต์ให้หลากหลาย หนังคริสต์มาสเป็นหนึ่งในหนังและซีรีส์ที่แต่ละแพลตฟอร์มต้องมี ซึ่งพอถึงปี 2020 ก็เห็นได้ชัดว่า Netflix และแพลตฟอร์มคู่แข่ง ต่างก็มีหนังคริสต์มาสกันอยู่พอสมควร ซึ่งก็มีต้นแบบมาจากช่อง Hallmark Channel นั่นเอง

และในทุก ๆ คริสต์มาส สตรีมมิ่งแต่ละค่ายต่างก็แข่งกันทำหนังรวมไปถึงซีรีส์คริสต์มาสเรื่องใหม่ ๆ ออกมา และในจำนวนนี้บางเรื่องก็นำแสดงโดยนักแสดงที่พอเป็นที่รู้จัก

เช่นหนังเรื่อง Falling for Christmas เมื่อปี 2022 ที่นำแสดงโดย ลินด์ซี่ โลฮาน ซึ่งถือว่าเป็นการคืนวงการหลังเผชิญมรสุมชีวิตอยู่หลายปี

แม้บางเรื่องเผชิญเสียงวิจารณ์ว่า เนื้อหาดูจะเพ้อฝันไปมากเกินไป เช่น Hot Frosty ตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น แต่หากมองในมุมธุรกิจก็ถือว่าเป็นการเพิ่มจำนวน “สินค้า” ที่ไม่ต้องลงทุนมากมายนัก แต่ค่อนข้างได้ผล ยืนยันได้บางเรื่องที่กระแสค่อนข้างดี จนมีการทำภาคต่ออกมา เช่นกรณีของเรื่อง The Princess Switch ที่ทำออกมาแล้ว 3 ภาค

เมื่อนำการฉีกกรอบ ความเพ้อฝันหรือจินตนาการ มาผนวกกับเนื้อเรื่องธีมคริสต์มาสที่ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเทศกาลนี้ เช่น ซานตาคลอส, หิมะ การได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน และไม่มีใครเป็นตัวร้ายจริง ๆ แล้วก็ลงเอยด้วยความสุข คอนเทนต์คริสต์มาสก็จะขึ้นอันดับต้น ๆ ในหลายประเทศอยู่บ่อย ๆ เมื่อถึงช่วงท้ายปี

เนื่องจากบรรดาเจ้าของบัญชีผู้ใช้ต่างอยากกดเข้าไปดูคลายเหงาหากต้องอยู่คนเดียว หรือแค่เปิดทิ้งไว้ให้ญาติมิตรที่มาฉลองคริสต์มาสด้วยกันที่บ้าน

นี่จึงกล่าวได้ว่าปัจจุบันตลาดหนังคริสต์มาสที่ไม่ต้องใช้ทุนมาก เนื้อเรื่องเดาง่ายและจบลงด้วยความสุขนี้ ข้ามมาโตในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และมีแนวโน้มว่าเนื้อเรื่องจะฉีกกรอบไปได้เรื่อย ๆ และน่าจะมีออกมาให้ดูกันอีกนาน

ส่วน Hallmark Channel ได้ปรับตัวลงสตรีมมิ่งแล้วด้วยการปล่อยคอนเทนต์ลง Prime Video มาหลายปี และปีนี้ขอสู้ด้วย Holiday Touchdown : A Chiefs Story หนังที่ได้แรงบันดาลใจชีวิตรักของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ นักร้องหญิงดังเบอร์ต้น ๆ ของยุคนี้กับแฟนหนุ่มนักอเมริกันฟุตบอล ซึ่งมีแม่ของฝ่ายชายร่วมแสดงด้วย

ท่ามกลางการคาดกันว่าคงมีแฟนเพลงของ เทเลอร์ สวิฟต์ กลุ่มใหญ่ที่กดเข้าไปดู และน่าช่วยกระตุ้นยอดขายการ์ดอวยพรคริสต์มาสได้ไม่มากก็น้อย/ theguardian, wikipedia, screenrant


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer