RS สถานการณ์เป็นอย่างไร ในวันที่หุ้นร่วงติด Floor ติดต่อถึง 3 วัน
9 มกราคม 2568 ถือเป็นวันที่หนักหน่วงอีกวันสำหรับหุ้น RS ยังคงร่วงติด Floor 3 วันติด
แม้ในวันที่ 8 มกราคม 2568 RS จะแจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงเหตุการณ์หุ้นร่วงติด Floor (จุดต่ำสุด) ถึง 2 วันติด ว่าเป็นเพราะกลไกของตลาด และปัจจัยภายนอก ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและสถานะทางการเงินของบริษัท
ส่วนข่าวทางลบของ เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ถูก Forced Sell (การถูกบังคับขายหุ้น) ที่หลายสื่อรายงาน RS ไม่ทราบถึงประเด็นดังกล่าว และกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง
รวมถึงให้คำยืนยันว่า ไม่มีปัจจัยภายในที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และยังเดินหน้าไปตามวิสัยทัศน์และแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ในปี 2568 ที่จะมุ่งมั่นหาโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอตามพันธกิจที่มีเป้าหมายสำคัญในการยกระดับความสุขและความเป็นอยู่ที่ดี (Life Enriching)
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความไม่มั่นใจของผู้ถือหุ้นที่มีต่อบริษัท เนื่องจากเฮียฮ้อ คือผู้ก่อตั้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้บริหารที่คุมบังเหียนRSในทุก ๆ ด้าน
แต่การร่วงของหุ้นRS นักวิเคราะห์จากหลักทรัพย์บัวหลวงมองว่า ส่วนหนึ่งมาจากการสะท้อนของผลประกอบการหลักของRS ที่ไม่รวมกำไรจากรายการพิเศษที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องโดยผลประกอบการมกราคม-กันยายน 2567 หากไม่รวมกำไรจากการขายเงินลงทุนจะเป็นขาดทุน
Marketeer อ้างอิงรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงมกราคม-กันยายน 2567 พบว่า RSมีรายได้ 2,767.43 ล้านบาท กำไร 12.21 ล้านบาท ซึ่งผลกำไรที่ผ่านมาส่วนหนึ่งมาจาก ไตรมาส 3/2567 มีการรับรู้รายได้พิเศษจากการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท อาร์เอส ยูเอ็มจี จํากัด (RS UMG) ให้กับ Universal Music Group มูลค่า 585.5 ล้านบาท
และที่ผ่านมา RSมีการปรับเปลี่ยนองค์กรอย่างต่อเนื่อง ทั้งการซื้อธุรกิจ ซื้อหุ้น ขายหุ้นในบางธุรกิจออก ซึ่งการปรับเปลี่ยนของRS ถ้ามองในด้านผลประกอบการ หลักทรัพย์บัวหลวงให้ความเห็นว่าจะมีผลทั้งทางบวกและทางลบ ซึ่งในด้านของผลกระทบที่สำคัญในเชิงลบ คือประเด็นการเข้าซื้อกิจการหลายส่วนที่เน้นสนับสนุนธุรกิจพาณิชย์ และที่ผ่านมาปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกไม่เอื้อ รวมถึง Synergy ที่คาดว่าจะเกิดจากการซื้อกิจการยังไม่สามารถส่งผลให้เห็นได้มากเท่าไรนัก ทำให้เกิดการชะลอตัวลงของรายได้ ในขณะที่ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้น
ซึ่งถ้ามองไปที่รายได้จากกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ Marketeer พบว่าจากรายงานประจำปีRSมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจนี้ลดลง
ปี 2564 รายได้จากกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ 2,263.4 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้จากกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ 1,714.5 ล้านบาท
และปี 2566 รายได้จากกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ 1,431.8 ล้านบาท
ไตรมาส 1/2567 รายได้จากกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ 329.4 ล้านบาท
ไตรมาส 2/2567 รายได้จากกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ 370.8 ล้านบาท
และไตรมาส 3/2567 รายได้จากกลุ่มธุรกิจพาณิชย์ 323.3 ล้านบาท
ประกอบกับสิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 หลักทรัพย์บัวหลวงให้ข้อมูลว่า RSมีเงินกู้ระยะสั้นประมาณ 2,000 ล้านบาท และระยะยาวราว 1,300 พันล้านบาท และมี IBD/E ( Interest Bearing Debt to Equity Ratio : อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดภาระหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย) ราว 1.2 เท่า
และหลักทรัพย์บัวหลวงมองว่าจะเป็น IBD/E ที่ไม่ได้ต่ำและสูงมากจนเกินไป เมื่อเทียบกับเงินสดที่มีอยู่ 305.9 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากพิจารณากระแสเงินสดจากการดำเนินงานติดลบ 78 ล้านบาท อาจจะทำให้สภาพคล่องตึงตัวในอนาคต แต่บริษัทยังมีการแปลง RS-W5 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)) รองรับ
อย่างไรก็ดี สำหรับที่ผ่านมา RSถือเป็นองค์กรหนึ่งที่มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ ที่เฮียฮ้อเป็นผู้ก่อตั้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้บริหารในปัจจุบัน
โดยเฮียฮ้อได้ก่อตั้ง RS จากจุดเริ่มต้นในธุรกิจตู้เพลงและการอัดเพลงจากแผ่นเสียงลงตลับเทปภายใต้ตรา ดอกกุหลาบ และจัดตั้งเป็นบริษัทชื่อ Rose Sound ในเวลาต่อมา
เฮียฮ้อได้พาตัวเองสู่บริษัทเพลงในชื่อบริษัท อาร์.เอส.ซาวน์ จำกัด ในปี 2525 พร้อมศิลปินวงแรกได้แก่ วงอินทนิน ตามมาด้วยคีรีบูน, ฟรุตตี้, ซิกเซ้นต์, บรั่นดี และเรนโบว์ ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็น อาร์.เอส. โปรโมชั่น 1992 ในปี 2535
และเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2546 ในชื่อ บริษัท อาร์เอส จำกัด พร้อมกับแตกไลน์ธุรกิจในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ เช่น การเข้าสู่ธุรกิจทีวีดิจิทัลภายใต้แบรนด์ช่อง 8 ในปี 2557, การเปิดบริษัท ไลฟ์สตาร์ในปี 2559 เพื่อพาตัวเองสู่ธุรกิจสุขภาพและความงาม, ปี 2565 ซื้อธุรกิจขายตรงยูไลฟ์จากยูนิลิเวอร์ ต่อยอดธุรกิจคอมเมิร์ซ, การลงเล่นในธุรกิจสัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ
สำหรับผลประกอบการของในช่วงที่ผ่านมามีผลประกอบการเต็มปีดังนี้
2564
รายได้ 3,589.59 ล้านบาท
กำไร 127.35 ล้านบาท
2565
รายได้ 3,549.21 ล้านบาท
กำไร 137.07 ล้านบาท
2566
รายได้ 3,805.23 ล้านบาท
กำไร 1,395.23 ล้านบาท
และการถูก Forced Sell ของเฮียฮ้อ มีข้อเท็จจริงแค่ไหน คงต้องรอดูการชี้แจงอย่างเป็นทางการของเฮียฮ้อต่อไป เพราะการที่RSออกมาชี้แจงว่าไม่ทราบ และกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจจะมาจากการถูก Forced Sell เป็นหุ้นของผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของบริษัท
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
