Life / เกาหลีใต้ยุคใหม่ได้รับการจดจำในฐานะประเทศที่ส่งออกสินค้าทางวัฒนธรรมโดยเฉพาะสื่อบันเทิงต่าง ๆ เพื่อใช้โปรโมตทั้งประเทศและสินค้าเกาหลีใต้มากมายหลายแบรนด์ ตามแผน Soft Power ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียช่วงยุค 90
ซีรีส์คือหนึ่งในหัวหอกสำคัญของแผนนี้ โดยแม้ปัจจุบันซีรีส์กลุ่มดราม่าเรื่องรัก และการหักเหลี่ยมทางธุรกิจของตระกูลยักษ์ธุรกิจ (แชโบล) ยังคงเป็นแนวเรื่องหลัก ๆ รวมไปถึงการนำปัญหาเศรษฐกิจ-สังคมมาผสมกับเกมการเล่นของเด็กที่ปรับเป็นเล่นกันถึงตายอย่างใน Squid Game ทั้ง 2 ซีซั่น
ทว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้ซีรีส์ที่ตัวเอกหนีจากชีวิตเมืองใหญ่โดยเฉพาะกรุงโซล เพราะทนไม่ไหวกับความเครียดเรื่องงานและปัญหาชีวิต ไปอยู่เมืองเล็ก ๆ เงียบสงบเพื่อเยียวยาตัวเอง ที่ใครได้ดูเหมือนได้ฮีลใจก็มีเพิ่มขึ้น
Summer Strike เป็นซีรีส์ในกลุ่มนี้ โดยเนื้อเรื่องเล่าถึง ลี ยอ-รึม (แสดงโดย คิม ซอล-ฮยุน) สาว Gen Y ที่ตัดสินใจลาออกจากงานในกรุงโซลแบบกะทันหัน หลังทนแบกรับกับปัญหาเรื่องงาน ชีวิตและครอบครัวที่เข้ามาพร้อมกันไม่ไหว เพื่อไปอยู่ที่อันกก เมืองเล็กเงียบสงบริมทะเล
การตัดสินใจดังกล่าวทำให้เธอได้เจอกับ อัน แด-บอม (แสดงโดย อิม ซี-วอน) หนุ่มวัยเดียวกัน ที่เป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดในเมือง โดยแม้เขาดูฉลาดแต่ก็มีปมในใจ
ตลอด 12 ตอนของเรื่องนี้ที่ทำมาจากเว็บตูนและกำกับโดย ลี ยุน-จุง ที่ดังไปทั่วเอเชียจาก Coffee Prince นอกจากผู้ชมจะได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองอันกก สัมผัสชีวิตที่เรียบง่ายของชาวเมือง และลุ้นว่าคู่พระนางกับคู่ตัวรอง ๆ จะลงเอยกันได้หรือไม่แล้ว ยังมีข้อคิดน่าสนใจที่สามารถนำไปใช้ฮีลใจได้อีกด้วย

ถ้าหนักเกินไปให้พาตัวเองออกมา : ข้อคิดแรกของซีรีส์เรื่องนี้ ปรากฏให้เห็นในตอนแรก ๆ ที่ ลี ยอ-รึม ต้องวิ่งวุ่นเรื่องงานช่วงมีพรีเซนต์สำคัญของบริษัท จนเธอลืมมองว่า เกิดจากการรวมหัวกันกลั่นแกล้ง ปิดกั้นโอกาสและเหยียดเพศของรุ่นพี่กับหัวหน้า
ฉากที่สะท้อนการวิ่งวุ่นดังกล่าวอย่างชัดเจนคือ ฉากที่ ลี ยอ-รึม ต้องวิ่งข้าม 4 แยกใหญ่ไปซื้อกาแฟที่สั่งแบบละเอียดผิดปกติและเมื่อกลับขึ้นมาต้องเจ็บใจว่ารุ่นพี่นำพรีเซนต์ที่เธอเตรียมไปพรีเซนต์เองจนได้ความดีความชอบไป
โชคร้ายของเธอยังไม่หมดแค่นั้น เพราะให้หลังไม่กี่วัน เธอก็ถูกแฟนหนุ่มบอกเลิก และแม่ซึ่งเป็นสมาชิกครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ก็มาด่วนจากไปอีก นี่ทำให้เธอใจพังอย่างหนัก จนตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไปที่เมืองอันกก เพื่อฮีลใจ
ข้อคิดจากสถานการณ์นี้คือ ถ้าเจอปัญหามากมายประดังเขามาในเวลาไล่เลี่ยกัน จนใจบอกว่าไม่ไหว ก็ควรพาตัวเองออกมาหรืออย่างน้อยก็พักหายใจบ้าง โดยถ้าไหวก็กลับไปลุยต่อ แต่ถ้าไม่ไหวก็ควรถอนตัว เพราะถ้าฝืนต่อไปท้ายที่สุดก็จะส่งผลเสียร้ายแรง
อย่าลังเลที่จะเป็นหน่วยฮีลใจ: ข้อคิดถัดมาจากซีรีส์ Summer Strike คือ การปลอบประโลมญาติมิตรหรือคนรอบตัวเป็นสิ่งพึงกระทำอย่างไม่ต้องลังเล เพราะถ้าช้า เราอาจเสียคนใกล้ตัวที่ใจพังไปแบบไม่มีวันกลับ
ข้อคิดนี้สะท้อนออกมาในฉากที่ สาว ม. ปลาย เพื่อนต่างวัยของ ลี ยอ-รึม ในเมืองอันกกหายตัวไปตลอดวัน หลังเสียญาติผู้ใหญ่แบบมีเงื่อนงำ โดยหลัง ลี ยอ-รึม ไปเจอก็รีบเข้าปลอบว่าไม่เป็นไร
หลังเรื่องราวคลี่คลาย สาว ม. ปลาย ก็ขอบคุณ ลี ยอ-รึม พร้อมสารภาพว่า ถ้าไม่ได้การฮีลใจครั้งนั้น พลังชีวิตคงหมด ลมหายใจคงขาดไปและคิดสั้นจบชีวิตตัวเองไปแล้ว
เรื่องไหนไม่ชัวร์มองดี ๆ อีกที: ข้อคิดอีกข้อจากซีรีส์เรื่องนี้คือ การไตร่ตรองเรื่องใดก็ตามที่ยังคาใจอย่างรอบคอบ เพราะสิ่งที่เราปักใจคิดว่าใช่มากเกินไปอาจทำให้มองข้ามรายละเอียดสำคัญ จนทุกอย่างผิดเพี้ยนไปหมด และกระทบกับผู้อื่น
ข้อคิดนี้สะท้อนออกมาในดราม่าใหญ่ตอนท้าย ๆ หลังญาติผู้ใหญ่ของสาว ม. ปลายเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ โดยเชื่อมโยงกับปมในครอบครัวของ อัน แด-บอม และผู้ก่อเหตุก็ไม่สมประกอบถึงขนาดก่อเรื่องเลวร้ายได้
ความสุขเกิดได้ทุกที่แค่ปรับมุมคิด: ข้อคิดสุดท้ายจากซีรีส์ Summer Strike คือ ความสุขเกิดได้ทุกที่แค่ปรับมุมคิด โดยปรากฏให้เห็นในฉากท้าย ๆ ของตอนจบ ที่ ลี ยอ-รึม พูดกับผู้ชมผ่านเสียงในความคิดว่า ความสุขคือการไม่ขาดอะไร แม้อาจไม่มีข้าวของและเงินทองมากมายก็ตาม
เธอพูดกับผู้ชมถึงข้อคิดนี้ระหว่างขี่จักรยานส่งนมในเมืองช่วงรุ่งเช้าแลกเงินเดือนไม่มาก กลับมาซักผ้าที่บ้านเช่า อ่านหนังสือในห้องสมุดช่วงบ่าย และไปเดินริมชายหาดช่วงเย็น โดยทั้งหมดเธอทำด้วยรอยยิ้ม และใบหน้าสะท้อนความสุขเต็มที่
แต่เรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเธอไม่ปรับมุมคิดและยังยึดติดว่า ชีวิตที่ดีคือการอยู่ในเมืองใหญ่ และทำงานหาเงินได้มาก ๆ เหมือนตอนแรก ๆ ของซีรีส์
–
