Trends / เวียนมาถึงอีกครั้งสำหรับนัดชิงอเมริกันฟุตบอล หรือ Super Bowl โดยช่วงต้นกุมภาพันธ์นี้ชาวอเมริกันและบรรดาผู้ชื่นชอบ 3 กีฬากลุ่มอเมริกันเกมจะได้รู้ว่า Kansas City Chiefs หรือ Philadelphia Eagles จะครองแชมป์

นอกจากลุ้นผลการแข่งขันแล้ว Super Bowl ทุกครั้งยังมีประเด็นแตกออกมาที่น่าสนใจ เพราะนี่ถือเป็นการถ่ายทอดสดกีฬาทางโทรทัศน์ที่ค่าซื้อเวลาออกอากาศ (Air Time-แอร์ไทม์) แพงสุดในโลก และยังแพงขึ้นอีกทุก ๆ ปี

ปี 2025 ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก เพราะปัจจัยที่ทำให้แอร์ไทม์แพงขึ้นไม่ได้มาจากคอกีฬา

สถานีโทรทัศน์ Fox ของสหรัฐฯ เจ้าของสิขสิทธิ์ Super Bowl ปัจจุบันเผยว่า Super Bowl ครั้งที่ 59 ซึ่งจะถ่ายทอดสด 9 กุมภาพันธ์ 2025 ค่าแอร์ไทม์ต่อหนังโฆษณา 30 วินาที อยู่ที่ 8 ล้านดอลลาร์ (ราว 268 ล้านบาท) แม้เพิ่มมาอีกเพียง 1 ล้านดอลลาร์ (ราว 34 ล้านบาท) จากปี 2024 แต่ก็ขายหมดแล้ว

ซีอีโอของ Fox กล่าวว่า นี่คือข่าวดี เพราะแม้เพิ่มราคาให้สูงขึ้นจนสูงสุดเท่าที่เคยมีมา แต่แบรนด์ดัง ๆ ต่างก็พากันมาชิงแอร์ไทม์ของ Super Bowl ปีนี้ หลังปีที่แล้วมีผู้ชมมากถึง 123.7 ล้านคน

ส่วนสาเหตุที่จำนวนผู้ชม Super Bowl ปี 2025 เพิ่มขึ้น มาจากกลุ่มที่ไม่ใช่คอกีฬา (Non Sport) โดยเฉพาะผู้หญิงและแฟนเพลงของ Taylor Swift (Swifty) อยากชมภาพความหวานของเธอกับ Travis Kelce นักอเมริกันฟุตบอลทีม Kansas City Chiefs แฟนหนุ่มของเธอ   

นี่เป็นการสะท้อนว่าผู้ชมกลุ่ม Non Sport กลายมากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ใน Super Bowl ต่อจากเมื่อปี 2024 ท่ามกลางรายงานว่า แบรนด์รถที่ซื้อแอร์ไทม์ลดลง โดยแบรนด์ที่เข้ามาแทนคือกลุ่ม Pharmaceutical ที่ครอบคลุมตั้งแต่ ยา เวชภัณฑ์ ไปจนถึงเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผู้หญิงใช้มากกว่าผู้ชาย

ส่วนแบรนด์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวซึ่งเป็นขาประจำก็ยังอยู่ โดยมีแบรนด์เทคโนโลยีกลุ่มเอไอเพิ่มเข้ามาใหม่ สะท้อนตลาดสินค้าใหม่ที่กำลังเติบโต

สำหรับโฆษณาใน Super Bowl ถือว่าเป็นแอร์ไทม์ที่แบรนด์ซึ่งทำธุรกิจในสหรัฐฯ ต้องการมากสุด เพราะจำนวนผู้ชมมากสุด ส่งผลให้เป็นแอร์ไทม์ที่แพงสุดในโลก แต่ก็มีการแย่งชิงมากสุด

และยังเป็นโอกาสที่แบรนด์กับบริษัทโฆษณาจะได้ส่งสุดยอดหนังโฆษณาให้ชาวอเมริกันได้ชมอีกด้วย เช่นโฆษณาชุด 1984 ของ Apple เมื่อปี 1984 อันโด่งดัง หนังโฆษณาหลายเรื่องของ Pepsi และตัวอย่างของหนังฟอร์มใหญ่มากมาย

ส่วนกลุ่ม Non Sport ซึ่งมี Swifty อยู่ด้วยไม่น้อยนั้น เป็นการสะท้อนว่า Taylor Swift ยังคงเป็นคนดังเบอร์ต้น ๆ ที่มีอิทธิพลและช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ ดังได้

เช่นเดียวกับทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่หลายประเทศของเธอที่จบไปเมื่อปลายปี 2024 ซึ่งทุกอย่างที่จับดังขึ้นไปด้วย และทำเงินสะพัดทั่วโลกมากถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 168,000 ล้านบาท) จนนิตยสาร Time ยกให้เป็นบุคคลทรงอิทธิพลแห่งปี

ขณะที่ Travis Kelce ก็ได้เป็นต้นแบบของ Soft Jock ชายแท้หุ่นล่ำจิตใจอ่อนโยน ตรงข้ามกับ Alpha Male ชายแท้ที่มีความเป็นผู้นำสูงเกินไปจนเหยียดเพศ ซึ่งผู้หญิงยุคปัจจุบันรวมถึงกลุ่ม LGBTQ ไม่ชอบ/cnn, theguardian


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer