Trends /ด้วยจำนวนประชากรมหาศาล ประเทศแถบเอเชียจึงเป็นตลาดที่แบรนด์ต่าง ๆ ในทุกอุตสาหกรรมต้องให้ความสำคัญ เช่นที่อุตสาหกรรมยานยนต์จะประเดิมด้วยการนำเข้าหรือเปิดโชว์รูม และย้ำด้วยการตั้งโรงงานในประเทศใหญ่ของทวีปนี้
สำหรับ Tesla รุกตลาดเอเชียมาแล้วหลายปี โดยมีจีนที่มีโรงงานตั้งอยู่เป็นฐานการผลิตใหญ่ และยอดขายในจีนก็ครองสัดส่วนไม่ใช่น้อยในทุก ๆ ไตรมาส แต่ค่ายรถอีวีอเมริกันไม่หยุดแค่นั้น ซึ่งเป้าหมายใหม่คือ ยักษ์เอเชียอีกประเทศที่อยู่ทางใต้ของทวีป
ราวกลางกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Tesla ประกาศรับสมัครงานราว 10 ตำแหน่ง เช่น ผู้จัดการและฝ่ายเทคนิค ที่จะมาทำงานในกรุงนิวเดลีและมุมไบ ถือเป็นสัญญาณว่าคงจะมีการเปิดโชว์รูมในอีกไม่นานจากนี้

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังนายกรัฐมนตรี นาเรนทรา โมดี ได้พบกับ อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla ระหว่างไปเยือนสหรัฐฯ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า ทันทีที่ Tesla เปิดโชว์รูมจะเป็นก้าวแรกในการรุกอินเดีย และอาจตามมาด้วยการสร้างโรงงาน หลังมีรายงานมานานว่า Tesla ส่งทีมงานมาดูทำเลสร้างโรงงานและโชว์รูมล่วงหน้าแล้วพักใหญ่
สำหรับอินเดียถือเป็นตลาดใหญ่ ที่ทวีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ จากการเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ถัดจากจีนและสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังแซงจีนขึ้นเป็นประเทศที่ประชากรมากสุดในโลกแล้วอีกด้วย
ขณะที่ Tesla ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายลำดับต้น ๆ ที่รัฐบาลอินเดียอยากให้มา เพื่อสร้างงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ และปลุกตลาดรถอีวีในประเทศให้คึกคัก ซึ่งหากสำเร็จอาจเป็นปัจจัยบวกช่วยให้การเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถอีวีเป็น 30% ภายในปี 2030 ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาว่า เป้าหมายนี้จะเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหน และฝั่ง Tesla อาจต้องลงทุน-ลงแรงมากสมควร เพราะแม้ตลาดรถอินเดียใหญ่ระดับโลก แต่โครงสร้างต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการขยายตลาดรถอีวียังไม่ครอบคลุม ต้องพัฒนาอีกมาก แถมยังมีข้อติดขัดที่จะขจัดให้ได้ก่อน
ข้อมูลเมื่อปี 2024 ระบุว่าอินเดียมีจุดชาร์จรถอีวีกว่า 16,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับขนาดประเทศที่กว้างใหญ่ และที่มีอยู่ก็ใช้เวลาชาร์จนานกว่าประเทศอื่น ๆ แม้รัฐบาลได้ตั้งเป้าทุ่มงบ 500 ล้านดอลลาร์ (ราว 16,800 ล้านบาท) สร้างฐานการผลิตรถอีวีในประเทศในอีก 3 ปีก็ตาม
ส่วนราคารถ Tesla นำเข้ามาในอินเดียก็ยังแพงมาก โดยรุ่น Model 3 เริ่มที่คันละ 40,000 ดอลลาร์ (ราว 1.3 ล้านบาท) จึงยังแพงมาก จนกล่าวได้ว่าเกินเอื้อมสำหรับชนชั้นกลางชาวอินเดีย
คนในอุตสาหกรรมยานยนต์อินเดียกล่าวว่า ถ้า Tesla ยังไม่กดราคาให้ต่ำลง สร้างโรงงาน และปรับแต่งรถให้ทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนของอินเดีย Tesla ก็ยังคงเป็นรถอีวีเกินเอื้อมสำหรับชาวอินเดียต่อไป และคงเป็นแบรนด์ที่ใช้ประโยชน์จากการลดภาษีนำเข้าของรัฐบาลไปเรื่อย ๆ
สำหรับตลาดรถอีวีในอินเดียในปัจจุบันเบอร์ใหญ่สุดคือ Tata ซึ่งครอง 70% ของตลาด และรถอีวีส่วนใหญ่ในอินเดียราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 15,000 ดอลลาร์ (ราว 5 แสนบาท) โดยก่อนที่ Tesla จะเริ่มเดินหน้าแผนรุกอินเดีย Vinfast ค่ายรถอีวีเวียดนามก็ประกาศทุ่ม 2,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 67,300 ล้านบาท) สร้างโรงงานในอินเดีย

นี่จึงถือได้ว่า แม้ยังต้องพัฒนาอีกมาก แต่อินเดียก็ยังเป็นตลาดใหญ่ในเอเชียที่มองข้ามไม่ได้ สมฉายา “จีนใหม่” ของคนในวงการยานยนต์/dw
–
