​จากความสำเร็จอย่างงดงามของโครงการบ้าน Your Home Series เพื่อเจาะกลุ่มข้าราชการไทยที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปี 2568 ซีคอนได้สานต่อแคมเปญเปิดตัวโครงการบ้าน “Your Home: Your Family #2”

มนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยว่า แม้ในปีที่ผ่านมาซีคอนต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย แต่ก็สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องด้วยความสำเร็จของโครงการบ้าน Your Home Series

โดยกลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ที่ 48.45% ราคาสั่งสร้างประมาณ 8-50 ล้านบาทต่อหลัง และพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 351 ตารางเมตรขึ้นไป ตามมาด้วยกลุ่มครอบครัวขนาดกลางที่ 34.65% ราคาสั่งสร้างประมาณ 5-7.90 ล้านบาทต่อหลัง และพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 200 – 350 ตารางเมตร และกลุ่มครอบครัวขนาดเล็กที่ 16.90% ราคาสั่งสร้างประมาณ 1.39-4.50 ล้านบาทต่อหลัง และพื้นที่น้อยกว่า 200 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นยอดจองช่องทาง Offline คิดเป็น 78.05% และยอดจองผ่านช่องทาง Online อยู่ที่ 21.95% ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

การดำเนินงานและกลยุทธ์ของซีคอนในปี 2025 

ได้วางกลยุทธ์ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์และแคมเปญบ้านราคาพิเศษ รวมถึงการบริหารจัดการด้านราคาของโครงสร้างกึ่งสำเร็จรูปที่ผลิตเองภายในโรงงาน พร้อมรับประกันคุณภาพนานถึง 20 ปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งหาโอกาสในการลงทุนด้านเทคโนโลยี และปรับรูปแบบการทำงานโดยนำระบบ ERP (Microsoft Dynamics 365 Business Center) เข้ามาใช้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงลงทุนในการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะของพนักงาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและความโปร่งใสในการสื่อสารภายในองค์กร ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายที่ 1,690 ล้านบาทในปี 2568 

พร้อมต่อยอดความสำเร็จการกลับมาของโครงการบ้าน Your Home: Your Family #2 มาพร้อมกับดีไซน์และสไตล์ที่หลากหลาย คงความโดดเด่นในเรื่องสีสันและความอ่อนละมุน รวมถึงมีขนาดบ้านให้เลือกมากขึ้นและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ซึ่งจะเปิดตัวครั้งแรกผ่านช่องทางออนไลน์ในต้นเดือนมีนาคมนี้ และจึงจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Focus 2025” ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮออล์

โดยมีแบบบ้านให้เลือกตั้งแต่ 5 ถึง 8 แบบ ราคาเริ่มต้นที่ 5 ล้านบาท พร้อมทั้งจัดโปรโมชันพิเศษในช่วง Early Bird ตั้งแต่มีนาคมถึงมิถุนายน 2568

​ในด้านการบริหารจัดการ Carbon Footprint บริษัทฯ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับฉลากเขียวจากงานก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ผลิตภัณฑ์ Thai Metal Aluminium ที่สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 437.65 ตัน CO₂ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 17,500 ต้น รวมถึงสี Beger ที่ลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 38.02 ตัน CO₂ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 625 ต้น และยังมีการใช้พลังงานสะอาดจากโซล่าเซลล์ในโรงงานซีคอนพรีคาสท์แฟคทอรี่ (SF) เพื่อผลักดันแนวทางการลดการปล่อยคาร์บอนในทุกปี โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นในการสนับสนุนและพัฒนาการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างต่อเนื่อง​ 

ด้วยการนำหลักการดำเนินธุรกิจในแบบ “Triple Bottom Line” หรือ 3P ที่ประกอบด้วย People, Planet, Profit มาใช้ประเมินความสำเร็จขององค์กรอย่างครอบคลุมและยั่งยืนจากปัจจุบันสู่อนาคต


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer