สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดสถานการณ์เงินฝากของคนไทย ปี 2567 อยู่ที่ 16.32 ล้านล้านบาท ประเมินปี 2568 ขยายตัวตามเศรษฐกิจประเทศที่ 1-3% มุ่งสร้างการรับรู้การคุ้มครองเงินฝาก หลังสำรวจพบมีเพียง 49.84% ของสัดส่วนประชาชนไทยที่รู้ พร้อมเดินหน้าแผนงานตามยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 (ปี 2566 – 2570)

คนไทยมีเงินฝาก 16.32 ล้านล้านบาท

เกือบครึ่งไม่รู้ว่าได้รับการคุ้มครอง 

จำนวนผู้ฝากเงินในระบบสถาบันการเงิน ภายใต้ความคุ้มครองของ

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ปี 2567

99.25 ล้านราย

เติบโต 4.75% หรือราว 4.50 ล้านราย

จำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ปี 2567 16.32 ล้านล้านบาท

เติบโต 1.40% หรือราว 0.22 ล้านล้านบาท

ผู้ฝากรายย่อย ที่มีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 98%
จำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง
ปี 2564 / 15.59 ล้านล้านบาท / เพิ่มขึ้น 4.39% ปี 2565 / 16.17 ล้านล้านบาท / เพิ่มขึ้น 3.72%
ปี 2566 / 16.09 ล้านล้านบาท / ลดลง 0.50% ปี 2567 / 16.32 ล้านล้านบาท / เพิ่มขึ้น 1.40%
ปี 2568 (คาดการณ์) / 16.65 ล้านล้านบาท / เพิ่มขึ้น 1-3%
สถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของสถาบันคุ้มครองเงินฝากมีทั้งหมด 32 แห่ง 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน

วงเงินคุ้มครองเงินฝากอยู่ที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท

ผลิตภัณฑ์เงินฝากแบบไหนได้รับการคุ้มครอง – เงินฝากกระแสรายวัน

– เงินฝากออมทรัพย์

– เงินฝากประจำ

– บัตรเงินฝาก

– ใบรับฝากเงิน

Marketeer FYI: สถาบันคุ้มครองเงินฝาก คุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝาก ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ฝากเงินเป็น ‘สกุลเงินบาท’ กับสถาบันการเงินทั้ง 32 แห่ง
ที่มา: สถาบันคุ้มครองเงินฝาก, มี.ค. 2568

ดร. มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA กล่าวว่า จากรายงานสถิติเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองปี 2567 พบว่าอัตราการเติบโตของเงินฝากในกลุ่มผู้ฝากที่เงินฝากน้อยกว่า 50,000 บาท มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นสูงที่สุดถึง 4.84% ทั้งนี้ปัจจัยการเพิ่มขึ้นของเงินฝากในผู้ฝากกลุ่มนี้มีผลมาจากโครงการเงินช่วยเหลือภาครัฐ

ในขณะที่ผู้ฝากกลุ่มที่มีเงินฝากมากกว่า 100 ล้านบาท มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นรองลงมาอยู่ที่ 2.70% ซึ่งคาดว่าเป็นการเพิ่มขึ้นในบัญชีประเภทเงินฝากประจำ เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการนำเงินมาพักเพื่อรอความชัดเจนของสภาพเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้อัตราการเติบโตของเงินฝากกลุ่มนี้ยังคงเป็นบวกเมื่อเทียบกับปี 2566 

สำหรับแนวโน้มการเติบโตของเงินฝากในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ที่ 1-3% สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ เนื่องจากยังมีปัจจัยกระทบที่ไม่แน่นอนจากทั้งภายในและนอกประเทศ

ส่วนการดำเนินงานของ DPA ปัจจุบันผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวน ภายใต้วงเงินคุ้มครองไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงินอยู่ที่ 97.46 ล้านราย คิดเป็นอัตราส่วน 98.20% ของผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองทั้งระบบ

โดยเพื่อให้ DPA หน่วยงานในตาข่ายความมั่นคงทางการเงิน มีความพร้อมในการเป็นองค์กรคุ้มครองเงินฝากที่น่าเชื่อถือและทันสมัย สร้างความมั่นใจให้ผู้ฝากและประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

DPA จึงได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานภายใต้แนวคิด ‘READY & Prompt’ มุ่งสู่ยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 (ปี 2566 – 2570) โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพองค์กรและการดำเนินงานในหลากหลายมิติ

ซึ่งประกอบด้วย 

1. สร้างความตระหนักรู้ให้ผู้ฝากและประชาชนตื่นตัวในการหาข้อมูลความรู้ทางการเงินและการคุ้มครองเงินฝากผ่านเนื้อหาในสื่อออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเป็นเกราะป้องกันในการรับมือกับสภาวะความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงภัยใกล้ตัวจากมิจฉาชีพที่แอบอ้างชื่อสถาบันคุ้มครองเงินฝากในการหลอกลวงประชาชน

โดย ‘บัญชีเงินฝาก’ เป็นหนึ่งในการออมเงินพื้นฐานของคนไทย ซึ่งเมื่อเราเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงิน เราจะได้รับความคุ้มครองจาก ‘สถาบันคุ้มครองเงินฝาก’ ทันทีแบบอัตโนมัติภายใต้ข้อกำหนด 

แต่จากการจัดทำผลสำรวจของ DPA พบว่าการรับรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝากและสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ในปี 2566 อยู่ที่ 49.84% ของสัดส่วนประชาชนไทย 

และ ‘Gen Boomer (เจนฯ เบบี้บูมเมอร์)’ อายุ 59-77 ปี หรือกลุ่มคนที่เกิดระหว่างปี 2489-2507 เป็นสัดส่วนที่ ‘ไม่รู้’ เกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝากและสถาบันคุ้มครองเงินฝาก สูงสุดในทุกช่วงวัย คิดเป็น 62.55% ทั้งที่เป็นกลุ่มที่มีจำนวนเงินฝากสูง ทำให้ปีนี้ PDA จะมุ่งสร้างการรับรู้ในกลุ่มดังกล่าวเป็นหลัก

2. DPA ตั้งเป้าการจ่ายเงินคุ้มครองให้กับผู้ฝากส่วนใหญ่ภายใน 7 วันทำการ สำหรับผู้ฝากที่ผูกบัญชี Prompt Pay กับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน โดยจากผลศึกษาและเก็บข้อมูลสถิติในช่วง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2566 ของสมาคมสถาบันประกันเงินฝากระหว่างประเทศพบว่าค่าเฉลี่ยของจำนวนวันในการจ่ายเงินคุ้มครองให้กับผู้ฝากสามารถทำได้เร็วขึ้นจาก 28 วันเหลือเพียง 14 วัน และพบว่ามีเหตุการณ์สถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาตรวม 13 สถาบันการเงิน ที่สถาบันประกันเงินฝากในต่างประเทศดำเนินการจ่ายเงินคุ้มครองให้กับผู้ฝากส่วนใหญ่ได้ภายใน 7 วันทำการ ทั้งนี้ คำว่าผู้ฝากส่วนใหญ่นั้นจะต้องครอบคลุมผู้ฝากไม่ต่ำกว่า 75%

3. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการรับรู้ให้กับผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง ผู้ฝาก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน

4. ขับเคลื่อนองค์กรด้วย DPA Platform เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีความยืดหยุ่นและรวดเร็ว รองรับความเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางการเงิน และตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ด้วยนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ที่จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยในการทำงาน เพิ่มความคล่องตัว ลดภาระงานเอกสารและขั้นตอนการทำงาน ควบคู่ไปกับการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานให้พนักงานมีความพร้อมในการปรับตัวและปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน

5. ขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล (Data-Driven) โดยเฉพาะการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ฝากเพื่อให้เข้าใจแนวโน้มและพฤติกรรมของผู้ฝาก ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการกำหนดกรอบนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานพันธกิจหลักของ DPA และการวางกลยุทธ์แผนปฏิบัติการจ่ายเงินคุ้มครองและการชำระบัญชี รวมถึงการวางกลยุทธ์ด้านการสื่อสารที่ตรงกับความหลากหลายของผู้ฝากและประชาชนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น DPA ยังมีการซักซ้อม (Simulation) ด้านการจ่ายเงินคุ้มครองและการชำระบัญชี บนพื้นฐานข้อมูลเสมือนจริงของสถาบันการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นประจำทุกปี และจัดเตรียมการรองรับการคุ้มครองเงินฝากเมื่อมีการจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) 

อีกทั้งการบริหารเงินกองทุนคุ้มครองเงินฝากให้มีการเติบโต มั่นคง และปลอดภัย ซึ่งมีเป้าหมายรายได้ปี 2568 อยู่ที่ 2.20% โดยปัจจุบันมูลค่าเงินกองทุนฯ อยู่ที่ 146,466.49 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 2568) 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer