Trends / ความสำเร็จของเกาหลีใต้ในอุตสาหกรรมคอนเทนต์เป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างยอมรับและมองเป็นต้นแบบเพราะสามารถต่อยอดสู่แผนโปรโมตประเทศแบบ Soft power อันจะพาให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมผลักดันการส่งออกได้อย่างมากมาย
ภาพยนตร์คือหนึ่งในกำลังหลักที่นำพาความสำเร็จดังกล่าวของเกาหลีใต้ แต่ปัจจุบันสถานการณ์กลับกันตรงข้าม จนสองเบอร์ใหญ่ต้องหันมาร่วมมือกัน โดยเรื่องนี้น่าสนใจ เพราะด้านหนึ่งเป็นไปทั้งเพื่อความอยู่รอดและขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่ง ขณะที่อีกด้านก็ช่วยให้สามารถต้านแรงดูดคอนเทนต์จากคู่แข่งสำคัญได้ดีขึ้น

Lotte Cinema กับ Megabox เครือโรงภาพยนตร์ใหญ่เป็นอันดับ 2 และ 3 ของเกาหลีใต้กำลังอยู่ระหว่างควบรวมกิจการหลังบริษัทแม่ของทั้งคู่ต่างอนุมัติ เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในสถานการณ์ปัจจุบันที่หลายอย่างเปลี่ยนไป รวบรวมเงินทุน และเพิ่มความมั่นใจในการแข่งขันทางธุรกิจ
หากดีลทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์จะทำให้เกิดการนำโรงภาพยนตร์ของทั้งคู่มารวมกัน จนจำนวนโรงเพิ่มเป็น 1,682 โรง และขึ้นเป็นเครือโรงภาพยนตร์อันดับ 1 ของประเทศ แซงหน้า CJCGV อันดับ 1 ในปัจจุบันทันที พร้อมความหวังว่าจะสามารถทำกำไรได้ดีกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องรูปแบบและสัดส่วนการบริหาร รวมไปถึงผู้บริหารจาก Lotte Cinema หรือ Megabox จะขึ้นมากุมบังเหียนหลังการควบรวมเสร็จสิ้น ด้าน CJCGV ยังไม่มีท่าทีใด ๆ ต่อความเคลื่อนไหวทางธุรกิจดังกล่าวที่ทำให้ตนต้องตกไปเป็นเบอร์ 2
การเดินหน้าผนึกกำลังกันของ Lotte Cinema กับ Megabox มีขึ้นหลังความซบเซาในธุรกิจโรงภาพยนตร์ในเกาหลีใต้ โดยเมื่อปี 2024 ทั้ง 2 ฝ่ายต้องปิดบางโรงไป

ความซบเซาในธุรกิจโรงภาพยนตร์ในเกาหลีใต้เกิดจากชาวเกาหลีใต้ออกจากบ้านไปดูภาพยนตร์ในโรงกันน้อยลง และโรงภาพยนตร์ช่วงวันหยุดยาวก็ไม่มีผู้ชมหนาแน่นเหมือนแต่ก่อน จนหนังที่ทำเงินถล่มทลาย (Block Buster) ที่สามารถกระตุ้นการไปดูในโรงลดลงอย่างมาก
เมื่อภาพยนตร์ที่ส่งไปฉายในโรงทำเงินได้น้อยและภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์ลดลง ค่ายหนังจึงลดการทำหนังฟอร์มใหญ่เพื่อเลี่ยงการขาดทุน แล้วหันไปส่งหนังตรงไปลงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเลย หรือลดเวลาฉายเพื่อให้ลงและอยู่ในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งนาน ๆ
นี่ทำให้พฤติกรรมการดูคอนเทนต์ของชาวเกาหลีใต้เปลี่ยนไป โดยพวกเขาแทบไม่เห็นเหตุผลที่ต้องออกไปดูภาพยนตร์ในโรง เหมือนช่วงก่อนสถานการณ์โควิด เพราะรอไม่นานก็จะได้ดูสบาย ๆ ตามเวลาที่สะดวกได้ที่บ้านอยู่แล้ว และยังประหยัดค่าใช้จ่ายยุคค่าครองชีพแพง จนที่สุดภาพยนตร์ที่ฉายในโรงลดลงไป และคนที่ไปดูที่โรงลดลงไปอีก

จากสถานการณ์ทั้งหมดที่กล่าวมา จึงทำให้ Lotte Cinema กับ Megabox ต้องร่วมมือกัน โดยแน่นอนว่าส่วนหนึ่งของเงินทุนที่เพิ่มขึ้นนี้จะกระจายไปเป็นงบสร้างภาพยนตร์เพื่อฉายในโรงก่อนและกำหนดกรอบเวลาฉายได้ตามต้องการในฐานะเจ้าของเงินทุน
หรืออาจพูดได้ว่าเป็นการต้านแรงดูดคอนเทนต์จากค่ายสตรีมมิ่ง โดยเฉพาะ Netflix ที่จ้องจะดูดคอนเทนต์ภาพยนตร์เกาหลีใต้ไปลงในแพลตฟอร์ม
ข่าวการเดินหน้าควบรวมกิจการของ Lotte Cinema กับ Megabox ยังมีขึ้นในอีกสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกันในอีกตลาดของอุตสาหกรรมคอนเทนต์เกาหลีใต้ โดยค่ายซีรีส์ต่างมองสตรีมมิ่งเป็นแพลตฟอร์มอันดับ 1 ในการส่งซีรีส์ไปลง ต่างจากเดิมที่ส่งไปลงทางโทรทัศน์ก่อน จนซีรีส์เกาหลีใต้มีอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม
ผลที่ตามมาคือ ซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์เกาหลีใต้ก่อนลดลง นอกจากนี้ แต่ละจำนวนตอนของแต่ละเรื่องก็สั้นลง เพราะค่ายซีรีส์เปลี่ยนไปคิดแบบซีรีส์สตรีมมิ่งที่มีตอนไม่มากและทุกตอนต้องกระชับเพื่อตรึงผู้ชมให้ดูไปจนจบ ต่างจากซีรีส์โทรทัศน์ที่ทำได้หลายตอน/koreatimes
–
