เมื่อพูดถึงอาหารญี่ปุ่นที่มีอิทธิพลระดับโลก หนึ่งในนั้นย่อมต้องมีชื่อของ “ซูชิ” ติดอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน และในวันซูชิสากล 18 มิถุนายนนี้ ตลาดซูชิเป็นอย่างไร

จากข้อมูล GlobeNewswire และ Data Bridge Market Research พบว่าตลาดซูชิโลกมีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี

ปี 2567 มูลค่า 9,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 347,480 ล้านบาท)

ปี 2568 มูลค่า 10,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 384,980 ล้านบาท)

ปี 2573 มูลค่า 13,350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 487,275 ล้านบาท)

ปี 2575 มูลค่า 17,620 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 643,130 ล้านบาท)

 

การเติบโตของซูชิโลกในปัจจุบัน มาจากความนิยมของซูชิที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นมิลเลนเนียลที่มองหาอาหารที่ใส่ใจสุขภาพ บนรายได้ที่สูงขึ้น

ประกอบกับการตลาดของแบรนด์ซูชิต่าง ๆ เน้นการสื่อสารการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย ผ่านภาพถ่ายอาหาร โปรโมชั่น และคอนเทนต์ภาพ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม การรับรู้ เข้าถึงคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง

 

ผู้บริโภคใส่ใจมากขึ้นว่าอาหารที่กินมีผลต่อสุขภาพอย่างไร เมื่อรายได้ต่อหัวสูงขึ้น ความสามารถในการใช้จ่ายกับอาหารคุณภาพดีจึงเพิ่มขึ้น โดยร้านซูชิมักถูกเลือกในโอกาสพิเศษหรือการเลี้ยงฉลอง แทนที่จะเป็นมื้อปกติในชีวิตประจำวัน

 

ในตลาดซูชิโลก เอเชียแปซิฟิกครองสัดส่วนตลาดสูงสุด ด้วยจำนวนผู้เล่นหลักและความต้องการซูชิที่มากในภูมิภาค จากที่ซูชิคือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะญี่ปุ่น

อีกทั้งเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่ท้าทายจากการแข่งขันด้านนวัตกรรมซูชิในการนำเสนอกับลูกค้า เพื่อสร้างประสบการณ์การทานและอื่น ๆ

 

ส่วนในอเมริกา ซูชิถูกดัดแปลงให้เข้ากับความหลากหลายทางวัฒนธรรม ผ่านนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น ซูชิโรลที่มีส่วนผสมแบบเม็กซิกัน

ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซูชิกลายเป็นไลฟ์สไตล์ฟู้ด ที่สะท้อนภาพลักษณ์ความพรีเมียมของผู้บริโภค ผ่านการจัดร้านในรูปแบบ Fine Dining พร้อมบริการแบบเข้าถึงง่าย เพื่อจับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนรุ่นใหม่ที่มองซูชิเป็นมากกว่าอาหารเย็น

 

จำนวนร้านซูชิในประเทศไทยมีจำนวน 1,279 แห่งในปี 2567

สำหรับประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา จากข้อมูลของ JETRO พบว่ามีจำนวนร้านซูชิมากถึง 1,279 แห่งทั่วประเทศ

จำนวนร้านซูชิ 1,279 แห่ง เป็นจำนวนที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2565 ที่มีจำนวนร้านซูชิสูงสุด

ปี 2560 จำนวน 256 แห่ง

ปี 2561 จำนวน 457 แห่ง

ปี 2562 จำนวน 688 แห่ง

ปี 2563 จำนวน 1,038 แห่ง

ปี 2564 จำนวน 1,196 แห่ง

ปี 2565 จำนวน 1,431 แห่ง

ปี 2566 จำนวน 1,372 แห่ง

ปี 2567 จำนวน 1,279 แห่ง

 

การลดลงของจำนวนร้านซูชิในประเทศเกิดจากการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง บนต้นทุนด้านวัตถุดิบที่สูงขึ้น

แม้จำนวนร้านซูชิในไทยจะลดลง แต่ยังมีร้านซูชิต่าง ๆ ที่มีรายได้เติบโตมากขึ้น เช่น ซูชิโร่ ถือเป็นซูชิสายพานที่ได้รับความนิยมอย่างน่าสนใจ พร้อมการเติบโตด้านรายได้ดังนี้

ปี 2565 รายได้รวม 1,000.50 ล้านบาท ขาดทุน 10.68 ล้านบาท

ปี 2566 รายได้รวม 1,892.04 ล้านบาท ขาดทุน 64.91 ล้านบาท

ปี 2567 รายได้รวม 2,902.38 ล้านบาท กำไร 62.88 ล้านบาท

 

แล้วคุณล่ะ ชอบซูชิมากแค่ไหน?


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer