ในวันที่ใครต่อใครก็พูดถึงแต่การช้อปออนไลน์ เพราะความสะดวกสบายคือชัยชนะของธุรกิจ แต่โลกแฟชั่นไม่เป็นเช่นนั้น ยิ่งซ่อนตัวจากผู้คน หลบหลีกสายตาได้มากเท่าไหร่ ยิ่งน่าค้นหามากเท่านั้น
ชวนไปทำความรู้จักกับ Fewer Better Things บูติกมัลติแบรนด์ที่ซ่อนตัวบนถนนสุขุมวิท 31 กับคอนเซปต์ ‘No Online Channels’ อยากซื้อต้อง walk-in ซึ่งหาได้ยากในเมืองไทย เพื่อให้ทุกคนตระหนักก่อนซื้อ ยืนหยัดทวนกระแสโลกยุคบริโภคนิยม ปฏิเสธ fast fashion
จาก Tech มา Trends

สุทธสิทธิ์ ศรีวิสารวาจา (คุณสุทธ) ผู้ก่อตั้งร้าน Fewer Better Things เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า เขาคือเด็กนอกที่เติบโตในต่างแดน เพิ่งจะกลับมาไทยในวัย 30 ปี ก่อนหน้านั้นทำงานสายเทคโนโลยีมาตลอด
การใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นในเมืองแวนคูเวอร์ ซานดิเอโก และลอสแอนเจลิส ทำให้เขาได้ซึมซับวัฒนธรรมที่หลากหลายจาก LA จึงอยากสร้างพื้นที่ที่เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองและคนรอบข้างให้หันมาเลือกใช้สิ่งของอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น สิ่งของควรทำให้เรารู้สึกดีทุกครั้งที่หยิบมาใช้ สะท้อนถึงว่าเรามองตัวเองอย่างไร และเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบไหนบนโลกใบนี้
“ผมตั้งใจที่จะทำร้านนี้ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว เป็นความฝันที่ไม่เคยล้มเลิกเลยมาจนถึงวันนี้ เพราะเบื่อสายงานเดิมที่อยู่ แต่มีความถนัดด้านแฟชั่นดีไซน์ เมื่ออยากจะทำธุรกิจสักอย่างจึงเริ่มต้นจากสิ่งที่หลงใหล”
Fewer Better Things ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดการคัดสรรสำคัญกว่าการบริโภค (curation over consumption) เป็นบูติกมัลติแบรนด์ที่คัดสรรเสื้อผ้า แอ็กเซสซอรี่ และของแต่งบ้านจากแบรนด์บูติกทั่วโลกที่มีคุณภาพ อายุใช้งาน และกระบวนการผลิตที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสุทธสิทธิ์ตั้งใจมาพลิกมุมมองชาวกรุงเทพฯ ต่อการช้อปและไลฟ์สไตล์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายใต้แนวคิด “สไตล์แห่งอนาคต เริ่มต้นที่การเลือกสรรอย่างมีความรับผิดชอบ”
เพราะคำว่า ‘สไตล์’ ต้องละเมียดละไม ไม่ฟาสต์
ทุกอย่างมาไวไปไวจนทำให้ fast fashion เติบโตอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าหนึ่งตัวใส่เพียง 2-3 ครั้งก็ถูกโยนทิ้ง คนคนหนึ่งมีเสื้อผ้าล้นตู้ แต่การมาถึงของ Fewer Better Things เพื่อบอกว่า ‘ยิ่งน้อยสิดี’ เพราะสไตล์ไม่ใช่การคว้าความสุขแบบเร่งด่วน หากแต่เน้นการเลือกสรรด้วยความตั้งใจ ความสุขเล็ก ๆ เหล่านี้จะค่อย ๆ หล่อหลอมพื้นที่ในตู้เสื้อผ้าของคุณให้สะท้อนตัวตนได้อย่างลึกซึ้ง
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Fewer Better Things ไม่มีช่องทางการขายออนไลน์ อยากซื้อต้อง walk-in อย่างเดียว เพราะร้านแห่งนี้ซ่อนเร้นอยู่มุมเงียบสงบในซอยสุขุมวิท 31 แทนที่จะตั้งอยู่บนเส้นถนนที่โดดเด่น ลูกค้าต้องตั้งใจมาซื้อ ใช้เวลาในร้านเลือกสรรของที่ชอบและคิดทบทวนอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ของสิ่งนั้นเข้าไปเติมเต็มไลฟ์สไตล์ได้อย่างพอดี ใช้งานจริงให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยลดขยะจากแฟชั่น
แบรนด์ที่ร่วมจัดจำหน่ายภายในร้าน ณ ขณะนี้ ได้แก่ Alvin Aster, Another Aspect, Ante Berlin, Areaware, Arthur & Ackhman, Bhoomi, Carex Collective, Claymen เป็นต้น
ณ ร้านแห่งนี้ ของทุกชิ้นถูกเลือกมาอย่างมีเหตุและผล ไม่ใช่แค่เพื่อให้ใช้ได้นาน แต่เพื่อให้ผู้ใช้ได้แสดงออกถึงตัวตน คุณจะได้พบกับเสื้อเชิ้ตตัวโปรดที่เก็บไว้ใส่ในวันสำคัญได้ หรือเครื่องประดับที่ทำให้การแต่งตัวในแต่ละวันมีความหมาย
อีกนัยหนึ่งก็เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ของคนที่มีรสนิยมแฟชั่นแบบเดียวกัน
“รสนิยมคือสิ่งที่ต้องสั่งสมไปพร้อมประสบการณ์ ไม่มีทางลัดใดที่จะทำให้เรารู้จัก
รสนิยมของตัวเองได้ดีไปกว่าความตั้งใจและการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง” คุณสุทธกล่าว
ในอนาคตยังตั้งใจขยายจากเสื้อผ้าผู้ชายและของแต่งบ้านไปสู่เฟอร์นิเจอร์ หรืออาจถึงขั้นสร้างบ้านทั้งหลังที่ทุกอย่างสามารถซื้อได้ยกเว้นตัวผนัง เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ของผู้คนที่ใส่ใจในงานออกแบบ
แม้จะสวนกระแสโลกบริโภคนิยม หันหลังให้เทรนด์ และแบนการช้อปแบบฉับไวออนไลน์ แต่สุทธสิทธิ์ยังคงยืนยันว่าในเมืองไทยมีกลุ่มคนที่หลงใหลในไลฟ์สไตล์เช่นเดียวกันนี้อยู่
“แฟชั่นกับดีไซน์คือสิ่งที่สะท้อนจากวิธีคิดและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน พื้นที่นี้ให้ทุกคนได้เข้ามาเลือกซื้อของที่ไม่ใช่แค่ดูดี แต่มีความหมายและสนุกกับการเป็นตัวเองมากขึ้น” คุณสุทธกล่าวปิดท้าย
