เซ็นทรัล พาร์ค เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ (4 กันยายน 2568) โดยมีทั้งหมด 8 ชั้น แต่ละชั้นมีสไตล์และกลุ่มร้านค้าที่แตกต่างกัน พร้อมแบรนด์จำนวนมากที่มาเปิดสาขาแรกที่แรกในประเทศไทย
หากกำลังวางแผนไปเดินช้อปปิ้งในเร็วๆ นี้ Marketeer ได้รวบรวมข้อมูลแต่ละชั้นของเซ็นทรัล พาร์ค ว่าแต่ละชั้นมีอะไรบ้าง เหมาะกับใครและมีไฮไลท์อะไรที่น่าสนใจบ้าง
LG Floor – Parkside Market: โซนอาหารชั้นใต้ดิน
ชั้นใต้ดินเป็นโซนรวบรวมร้านอาหารและสตรีทฟู้ดจากหลากหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ โดยมีให้เลือกกว่า 70 ร้าน 1,000 เมนู อีกทั้งยังตกแต่งด้วยธีมงานเทศกาลไทย และมีโซนหนังกลางแปลงให้นั่งรับประทานอาหารด้วย
จุดเด่นของชั้นนี้คือการรวบรวมร้าน Michelin Guide ถึง 17 ร้าน ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดในกรุงเทพฯ เช่น ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกคุณประนอม ที่ได้รับการการันตีจากมิชลิน 4 ปีซ้อน รวมทั้งขนมเบื้องหวานผึ้งน้อย ที่ได้รับรางวัล Michelin Bib Gourmand 4 ปีซ้อน นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ใหม่อย่าง BBQ Plaza ในรูปแบบใหม่ที่เปิดสาขาแรกในประเทศไทย
G Floor – Parkside Food Hall: คาเฟ่และร้านอาหาร
ชั้น G เป็นพื้นที่รวบรวมคาเฟ่และร้านอาหารกว่า 50 ร้าน ซึ่งเหมาะสำหรับการนั่งทำงาน พบปะเพื่อนฝูง หรือพักผ่อนระหว่างการช้อปปิ้ง
ในชั้นนี้มี TOPS FOOD HALL ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการ Personal Shopper ที่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย
พร้อมร้านกาแฟที่น่าสนใจ ได้แก่ % ARABICA จากเกียวโต, ONIBUS จากโตเกียวที่เพิ่มเมนูอาหารมาด้วย และ SUPER MATCHA ชาเขียวออร์แกนิกที่เปิดสาขาแรกในประเทศไทย
1st Floor – About Fashion: แฟชั่นและเครื่องสำอาง
ชั้น 1 เน้นแบรนด์แฟชั่นและเครื่องสำอางในระดับกลางถึงบน เหมาะกับผู้ที่ต้องการแฟชั่นคุณภาพดีใช้ในชีวิตประจำวัน
ในด้านแฟชั่น มีแบรนด์ชื่อดังอย่าง CALVIN KLEIN, MARC JACOBS, และ TORY BURCH
พร้อมแบรนด์เครื่องสำอางมากมาย เช่น YSL BEAUTY, LANCÔME, และ NARS
รวมถึงแบรนด์ไทยคุณภาพสูงอย่าง PANPURI และ JIM THOMPSON ที่เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมไทย
2nd Floor – Fashion Playground: แฟชั่นและไลฟ์สไตล์
ชั้น 2 ออกแบบมาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบแบรนด์ไลฟ์สไตล์และเทคโนโลยี โดยรวบรวมทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา และแกดเจ็ตไว้ในพื้นที่เดียวกัน
รวมแบรนด์ชื่อดัง เช่น SEPHORA Multi-Brand Store, UNIQLO, NIKE, และ Studio7 ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย Apple อย่างเป็นทางการ
พร้อมแบรนด์ที่เปิดสาขาแรกในประเทศไทยได้แก่ SUNNIES WORLD จากฟิลิปปินส์ และ LIVE! OFFICIAL เสื้อผ้ากีฬาจากบราซิลที่เปิดสาขาแรกในเอเชีย
3rd Floor – Active Energy: เสื้อผ้ากีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง
ชั้น 3 เป็นพื้นที่สำหรับผู้ที่รักการออกกำลังกายและกิจกรรมกลางแจ้ง โดยรวบรวมแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา รองเท้า และอุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้
รวมหลากหลายแบรนด์กีฬาเข้าไว้ด้วยกัน เช่น ADIDAS ORIGINAL, NEW BALANCE, ASICS, และ NIKE และแบรนด์เครื่องแต่งกายกลางแจ้ง เช่น THE NORTH FACE, SALOMON, และ COLUMBIA
ขณะที่แบรนด์ใหม่ในประเทศไทยคือ VIVAIA รองเท้าจากอเมริกา, ICEBREAKER เสื้อผ้า Outdoor จากนิวซีแลนด์ และ ADIDAS KIDS
4th Floor – Life Essentials: เทคโนโลยีและการดูแลสุขภาพ
ชั้น 4 ชั้นที่มีความหลากหลายมากที่สุด ผสมผสานทั้งร้านแกดเจ็ต ธนาคาร คลินิก และสปาเข้าด้วยกัน ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบครอบคลุมทุกมิติ
ด้านเทคโนโลยีมีแบรนด์ชื่อดังอย่าง SAMSUNG, XIAOMI, HUAWEI รวมถึงร้าน JIB และ BIG CAMERA
สำหรับโซนสุขภาพและความงาม มีคลินิกเสริมความงาม V SQUARE, APEX WELLNESS, สปา LET’S RELAX และคลินิกทันตกรรม THONGLOR DENTAL
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อย่าง IC! BERLIN แว่นตาจากเยอรมนี และ FELLOW BY YELLOW STUFF อุปกรณ์ทำกาแฟจากอเมริกาที่เปิดสาขาแรกในเอเชีย
5th Floor – Parkside Eatery: ร้านอาหารระดับพรีเมียม
ชั้น 5 เป็นโซนร้านอาหารที่ราคาสูงขึ้นมา เหมาะกับผู้ที่ต้องการลองประสบการณ์การรับประทานอาหารใหม่ๆ
โดยแบรนด์ที่มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทย ได้แก่ GINZA SHABU SHABU KOUBAI ชาบูเนื้อคุมาโมโตะจากโตเกียว, KIWAMIYA แฮมเบิร์กและสเต็กเนื้อวากิว, และ LONG JING ที่นำวัตถุดิบท้องถิ่นของจีนพร้อมทคนิคการปรุงอาหารสมัยใหม่
6th Floor – The Glasshouse: พื้นที่ดาดฟ้า
ชั้นบนสุดจะเป็นโซนดาดฟ้าที่กำหนดเปิดในเดือนธันวาคม ซึ่งจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารพร้อมชมวิวเมืองกรุงเทพฯ แบบเปิดกว้าง
