เมื่อปลายปี 2024 ร้าน Unity Diner ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านอาหารมังสวิรัติชื่อดังและเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมอาหารใหม่ๆ ในกรุงลอนดอนของอังกฤษได้ประกาศข่าวร้ายว่า อาจต้องปิดตัวลงอย่างถาวร โดยทางร้านคาดหวังเพียงกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ในวันปิดร้าน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับสะเทือนใจยิ่งกว่านั้น 

Andy Crampton ผู้ร่วมก่อตั้งร้านเล่าว่า มีลูกค้าเดินเข้ามาในร้านร้องไห้ แล้วก็เข้ามาสวมกอดพนักงาน และสิ่งที่น่าเศร้าสำหรับลูกค้าสาย Plant-based (โปรตีนพืช) คือ Unity Diner เป็นอีกหนึ่งร้านมังสวิรัติที่ดูเหมือนจะไปได้ดี แต่กลับต้องปิดตัวลงอย่างกะทันหัน 

ซึ่งนี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับร้านเดียว เพราะยังมีร้านอาหารกลุ่ม Plant-based ในอังกฤษ ต่อเนื่องไปถึงประเทศกลุ่มสหราชอาณาจักรที่ประสบชะตากรรมแบบเดียวกัน 

ร้าน Rudy’s Vegan Diner ร้าน Halo Burger ร้าน Neat Burger ในลอนดอน ไปจนถึงร้าน Veggie Republic ในลิเวอร์พูล The Glasvegan ในกลาสโกว์ต่างก็ปิดไปเรียบร้อย 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางเทรนด์การทานอาหาร Plant-based ที่ยังคงมีอยู่ และก็มีผู้ที่ประกาศตัวว่าเป็นมังสวิรัติทั่วโลกมากถึงกว่า 25 ล้านคน จึงเกิดคำถามที่ตามมาคือ มีปัญหา ปัจจัยลบอะไรแฝงอยู่บ้าง ที่ทำให้เกิดวิกฤตครั้งนี้ 

สาเหตุแรกคือ อุตสาหกรรมร้านอาหารของอังกฤษกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคมปีนี้ สหราชอาณาจักรมีร้านอาหาร ผับ และโรงแรมปิดตัวลงเฉลี่ยสัปดาห์ละ 20 แห่ง 

สาเหตุต่อมาคือวิกฤตค่าครองชีพทำให้คนมีเงินสำหรับใช้จ่ายนอกบ้านน้อยลง ในขณะที่ต้นทุนของร้านอาหาร ทั้งค่าวัตถุดิบ ค่าแรง และค่าพลังงาน กลับพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ 

เจ้าของร้าน Vurger ที่ต้องปิดตัวลงเช่นกัน เล่าว่า บางครั้ง ค่าวัตถุดิบที่ซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Tesco ยังถูกกว่าราคาจากผู้ค้าส่งเสียอีก ส่วนค่าไฟก็พุ่งสูงจนบางครั้งถึงขั้นต้องปิดเตาย่างในช่วงที่ลูกค้าน้อย 

ส่วนสาเหตุที่สาม คือ ร้านกลุ่มมังสวิรัติ โดยเฉพาะที่เน้นเมนู Plant-based ต้องสู้กับศึกสองด้าน โดยขณะที่ด้านหนึ่งคือกลุ่มที่มองว่า ดีต่อสุขภาพเกินไป เพราะไม่มีโปรตีน แต่กลับกินแล้วไม่อิ่ม

ส่วนอีกด้านหนึ่งกลับมีกระแสโจมตีว่าอาหารมังสวิรัติ (โดยเฉพาะ Plant-based) เป็นอาหารแปรรูปขั้นสูง ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพ 

สาเหตุต่อมาคือ กับดักแห่งความสำเร็จ โดยการที่อาหารมังสวิรัติฮิตขึ้นมา ทำให้ร้านอาหารทั่วไปแทบทุกแห่งมีเมนู Plant-based เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเบอร์เกอร์แบรนด์ Beyond Meat หรือเมนูอื่นๆ ทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องตั้งใจไปร้านมังสวิรัติโดยเฉพาะอีกต่อไป 

ดังนั้นเมื่อกลุ่มเพื่อนใหญ่ที่ชอบกินอาหารต่างกันจะไปด้วยกัน พวกเขามักจะเลือกร้านอาหารทั่วไปที่มีตัวเลือกสำหรับทุกคน ซึ่งร้านวีแกนมังสวิรัติแบบอิสระ มักไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับเชนฟาสต์ฟู้ดใหญ่ที่มีเบอร์เกอร์ Plant-based อย่าง McDonald’s ได้

ส่วนสาเหตุสุดท้ายคือปัญหาเรื่องความครอบคลุม โดยเมื่อไม่นานมานี้ Eleven Madison Park ร้านอาหาร Plant-based แห่งเดียวในโลกที่ได้ดาวมิชลิน 3 ดวง ได้ประกาศนำเนื้อสัตว์กลับเข้ามาในเมนู โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมบนโต๊ะอาหารได้ 

แน่นอนว่านี่ทำให้ลูกค้าสายมังสวิรัติที่จริงจังไม่พอใจอย่างมาก และสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างกันว่าอะไรกันแน่คือความครอบคลุมที่แท้จริง 

ทว่าท่ามกลางข่าวร้าย ก็ยังมีเรื่องราวที่ให้ความหวังอยู่บ้าง นั่นคือการฟื้นคืนชีพของ Unity Diner โดยหลังจากประกาศปิดตัวและเตรียมเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ทางร้านกลับได้รับแรงสนับสนุนจากลูกค้าอย่างล้นหลาม

ประกอบกับช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงแคมเปญ Veganuary (การรณรงค์ให้คนลองกินมังฯ ตลอดเดือนมกราคม) ร้านกลับทำกำไรได้มากกว่าปกติถึงสามเท่า

นี่ช่วยให้ในที่สุด Unity Diner ไม่ต้องล้มละลาย และกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งในเดือนเมษายน สร้างความดีใจและประหลาดใจให้แก่แฟนๆ เป็นอย่างมาก 

Andy Crampton ยอมรับว่าร้านแทบจะเท่าทุน และไม่ได้ทำกำไร แต่ก็ไม่ขาดทุนเช่นกัน ดังนั้นจึงกลับมาประคองตัวได้ ซึ่งเมนูที่ช่วยชีวิตร้านไว้ก็คือ วีแกนซันเดย์โรสต์ (เมนูอาหารย่างวันอาทิตย์แบบอังกฤษ) ที่เคยเป็นเมนูขายดีนั่นเอง / theguardian 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer