น้อยคนนักในหมู่ผู้ซื้อรถที่จะเคยได้ยินชื่อ Nexperia แต่บริษัทชิปของเนเธอร์แลนด์แห่งนี้คือผู้ผลิตชิปสำคัญที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการผลิตรถยนต์ และบัดนี้ Nexperia ได้กลายเป็นศูนย์กลางของข้อพิพาททางการค้าที่อาจสั่นคลอนโรงงานผลิตรถยนต์ทั่วโลก

Nexperia เริ่มถูกจับตามองเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชี Wingtech Technologies บริษัทแม่ของ Nexperia ซึ่งตั้งอยู่ในจีน ให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกจำกัดทางการค้า
มาตุลาคมปีนี้สถานการณ์ทวีความตึงเครียดขึ้นไปอีก หลังกระทรวงพาณิชย์ของจีนออกมาตรการตอบโต้ โดยสั่งห้าม Nexperia China และบริษัทคู่ค้า ส่งออกชิ้นส่วนประกอบและชิ้นส่วนย่อยที่ผลิตในจีน การเคลื่อนไหวนี้ส่งผลให้รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ใช้กฏหมายความมั่นคงและเข้าควบคุมกิจการ Nexperia
ความตึงเครียดดังกล่าวได้จุดชนวนความกังวลว่าสายการผลิตโรงงานรถยนต์หลายแห่งในหลายประเทศอาจถึงคราวสะดุด เนื่องจากชิปที่ Nexperia ผลิตนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประกอบรถยนต์และรถบรรทุก
โดยความกลัวที่ใหญ่ที่สุดคือ ข้อพิพาททางการค้านี้อาจทำให้การผลิตชิปของ Nexperia หยุดชะงัก และเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะหาผู้ผลิตรายอื่นมาทดแทน
แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าโรงงานรถยนต์จะถูกบังคับให้หยุดการผลิตเมื่อใด แต่บทเรียนในอดีตยังชัดเจน การขาดแคลนชิปที่คล้ายกันซึ่งเกิดขึ้นหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ทำให้โรงงานหลายแห่งต้องปิดตัวชั่วคราว
ณ เวลา ดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณรถยนต์ใหม่ในตลาดลดลงอย่างฮวบฮาบนานกว่าหนึ่งปี ซึ่งการขาดแคลนครั้งนั้นเองที่ผลักดันให้ราคาทั้งรถใหม่และรถมือสองพุ่งสูงขึ้น
ปัจจุบัน รถยนต์ต้องพึ่งพาชิปคอมพิวเตอร์ ทรานซิสเตอร์ และไดโอดมากขึ้นในทุกส่วน ตั้งแต่การปรับเบาะนั่งคนขับ การป้อนเชื้อเพลิงในปริมาณที่เหมาะสมเข้าสู่เครื่องยนต์ ไปจนถึงการควบคุมระบบเบรก และต่อเนื่องไปถึงระบบเอไอต่างๆ
ดังนั้นหากไม่มีชิ้นส่วนสำคัญเหล่านี้ รถยนต์ก็ไม่สามารถประกอบให้เสร็จสมบูรณ์ได้ ในที่สุดราคารถอาจแพงขึ้น
สำหรับ Nexperia แม้ก่อนหน้านี้ไม่เป็นที่รู้จักวงกว้าง แต่เมื่อปี 2018 ก็เริ่มถูกจับตามอง เพราะเป็นบริษัทในเครือ Philips มาก่อน แต่มาถูก Wingtech Technologies ของจีนซื้อไปเมื่อปี 2018
ต่อมาในปี 2022 Nexperia ก็เดินหน้าขยายกิจการด้วยการเปิดดีลซื้อกิจการ Newport Wafer Fab โรงงานชิปใหญ่สุดของกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร ซึ่งรัฐบาลอังกฤษไม่ปล่อยผ่าน เพราะหวั่นว่าเทคโนโลยีอาจตกไปถึงบริษัทแม่ในจีนและรัฐบาลจีน จึงบีบจน Nexperia ต้องเลิกซื้อกิจการไป
พอปีนี้ก็ถูกจับตามองมากยิ่งขึ้นหลังมีข้อมูลว่า นี่คือบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์กว่า 6,000 รายการที่ผ่านการรับรองสำหรับใช้ในรถยนต์ และมียอดจัดส่งผลิตภัณฑ์สูงถึง 110,000 ล้านชิ้นต่อปี บริษัทมีพนักงาน 12,500 คนทั่วยุโรป เอเชีย และสหรัฐฯ

ท่ามกลางคาดการณ์ว่า Nexperia ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 40% ในกลุ่มชิปยานยนต์ประเภททรานซิสเตอร์และไดโอด ดังนั้นหากสถานการณ์บานปลายไลน์ผลิตรถย่อมสะดุดและดันให้ราคารถแพงขึ้นตามที่ได้กล่าวไปแล้วนั่นเอง
สื่อตะวันตกรายงานอิงบทวิเคราะห์ของคนในอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เพราะจีนคงกำลังหาทางตอบโต้แผนปิดล้อมทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร ซึ่งล่าสุดเนเธอร์แลนด์เข้าร่วมด้วยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนในการหาซัพพลายเออร์ใหม่มาทดแทนชิ้นส่วนที่บรรดาบริษัทรถยนต์เคยได้รับจาก Nexperia ในขณะที่คาดว่าชิปที่มีในสต็อกจะใช้ได้อีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ / cnn
