ตลอดเวลา 31 ปีที่ผ่านมาในประเทศไทยต้องยอมรับว่า 7-ELEVEN เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่ปรับตัวเองอยู่ตลอดเวลา และพยายามหาสินค้าที่จำเป็นต่อไลฟ์สไตล์ประจำวันเข้ามาตอบสนองลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นคำพูดว่า “คิดอะไรไม่ออกให้ไป 7-ELEVEN” นอกเหนือจากสโลแกนที่ว่า “หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา”

ล่าสุดการเปิดบริการใหม่ อาหารปรุงสด (Food Place) ใน 7-ELEVEN  ก็เป็นอีกโมเดลหนึ่งของการทำธุรกิจในยุค 4.0 ที่ให้ความสำคัญอย่างมากที่จะต้องยึดเอาความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ใครต้องการอะไร แบบไหน เวลาไหน จัดให้ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด

แต่การทำธุรกิจ “อาหารปรุงสด” ที่เปิดให้บริการในร้านเซเว่นฯ เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งให้กับผู้บริโภคเท่านั้น ไม่สามารถสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วนทั้งหมด

Food Place ใน 7-ELEVEN เป็นแค่ทางเลือกหนึ่ง

ถ้าลูกค้าคาดหวังว่า เดินเข้าเซเว่นฯ แล้วต้องการสั่งอาหารรสชาติแซ่บๆ ได้หลากหลายเมนูอย่างที่ต้องการเหมือนร้านอาหารตามสั่งทั่วไปนั้น ไม่ใช่แน่นอน

เพราะอาหารตามสั่งโดยทั่วไปเป็นที่เข้าใจว่าเป็นอาหารที่ทำตามสิ่งที่ลูกค้าสั่ง ใช้วัตถุดิบง่ายๆ มีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยากมาก และมีให้เลือกหลากหลายเมนู เช่น ผัดกะเพราไข่ดาว, ข้าวผัด, ผัดผัก, สุกี้, ราดหน้า, ผัดซีอิ๊ว เป็นต้น

แต่เมนูใน 7-ELEVEN  มีเพียงไม่กี่รายการ เช่น อเมริกันเบรกฟาสต์, ข้าวไข่ข้น ลาวา, เบคอนย่างไส้กรอก, โจ๊ก ฯลฯ ซึ่งเป็นเมนูที่ต่างจากร้านอาหารตามสั่งรอบๆ ด้านนอก และราคาค่อนข้างสูงกว่าร้านอาหารทั่วไปข้างนอก ที่จานละประมาณ 30-40 บาท ในเซเว่นฯ ราคาจะเริ่มต้นที่ 30-59 บาท

ที่สำคัญรสชาติอาหารจะไม่จัดจ้านอร่อยเว่อวัง ตามใจลูกค้าเหมือนอาหารตามสั่งข้างนอก  แต่จะเน้นอาหารรสชาติกลางๆ ที่ปรุงด้วยวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และเพิ่มความใส่ใจในเรื่องความสะอาดเท่านั้น

ไม่ได้เปิดทุกสาขา ทุกเวลา แค่ 4 ทุ่มเท่านั้น

เหตุผลสำคัญของการเปิดอาหารปรุงสดใน 7-ELEVEN ก็เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในกลุ่มวัยทำงาน นักเรียน ที่ต้องเร่งรีบไปทำงาน ไปเรียนหนังสือ ตั้งแต่ตอนเช้า โดยที่ร้านอาหารตามสั่งยังไม่เปิด รวมทั้งสำหรับผู้ที่เลิกงานตอนค่ำๆ หรือตอนกลางคืนซึ่งร้านอาหารตามสั่งทั่วๆ ไปปิดร้านไปแล้ว

โดยจะเลือกเปิดในทำเลที่ใกล้กับสถานศึกษา ตลาด สำนักงาน โรงพยาบาล ที่พักอาศัย จุดต่อรถ โรงงาน ฯลฯ ที่มีความเดือดร้อนในการหาอาหารรับประทานในช่วงที่ร้านค้าทั่วไปไม่เปิดให้บริการเท่านั้น

ปัจจุบันสาขาที่เปิดให้บริการอาหารปรุงสดมีเพียง 2% จากทั้งหมดประมาณ 10,000 สาขา และเปิดขายเฉพาะช่วงเวลา 06.00-22.00 น. ไม่ได้เปิดขายตลอด 24 ชั่วโมง  

 วันนี้ 7-ELEVEN เป็น “คู่ค้า” หรือ “คู่แข่ง”

ต้องยอมรับว่าการเป็นร้านสะดวกซื้อที่เปิดขาย 24 ชั่วโมงของ 7-ELEVEN ในหลายๆ สาขาทำให้เกิดร้านค้าย่อยรอบๆ ร้านเซเว่นฯ หลายร้าน เช่น ร้านหมูย่าง, ร้านบะหมี่ โดยเฉพาะร้านส้มตำหน้าเซเว่น ฯลฯ 

 7-ELEVEN สาขาไหนขายดีเป็นพิเศษยิ่งจะมีคนเข้าออกตลอดเวลา ทำให้ร้านค้าอื่นๆ รอบๆ พลอยขายดีตามไปด้วย ขาดเหลืออะไรเจ้าของร้านค้าในบริเวณนั้นก็จะวิ่งเข้าไปซื้อของเพิ่มได้อย่างสะดวก กลายเป็นเพื่อนคู่ค้ามากกว่าคู่แข่ง

ถ้าเป็น 7-ELEVEN ใกล้ตลาดสดเสน่ห์ของสดๆ ที่มีมากมายให้เลือกในตลาดกับของแช่แข็งในเซเว่นฯ ก็ต่างกันมากอยู่แล้ว ลูกค้าชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้น

ท่ามกลางความมืดมิดและความเงียบสงบของชุมชนหรือย่านที่อยู่อาศัยในเวลาค่ำคืน การที่ 7-ELEVEN เปิดไฟสว่างจ้าตลอดคืน เพื่อคอยบริการในเรื่องอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่จำเป็นตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังเป็นเสมือนเพื่อนบ้านที่สร้างความอบอุ่นใจให้รู้สึกถึงความปลอดภัยได้อีกด้วย



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online