โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มีแผนออกนโยบายให้ กีดกันนักลงทุนจากจีนจากการลงทุน นวัตกรรม และ Startup จากประเทศสหรัฐอเมริกา ให้น้อยลงส่งผลให้นักลงทุนจีนเริ่มทยอยหนีการลงทุนจากประเทศสหรัฐฯ
ล่าสุดทาง ประธานธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นโยบายที่จะกีดกันการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในสหรัฐอเมริกา และทาง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้ความสำคัญถึงการกีดกันไม่ให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในนวัตกรรม ของสหรัฐอเมริกาถึงแม้ว่านโยบาบใหม่ยังไม่ได้เริ่มต้น แต่คนในวงการเทค startup เริ่มมีความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
หลักจากที่มีสถิติลงทุนใน startup ของประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 3พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยนักลงทุนจากประเทศจีนอย่างเดียว ในปี 2018 ซึ่งหนึ่งในเหตุผลเป็นเพราะสาเหตุที่นักลงทุนจีนต้องเร่งหาข้อตกลงกับ startup ในสหรัฐอเมริกาก่อนที่ นโยบายจาก โดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลให้เกิดผมกระทบกับนักลงทุนจากจีน
นักลงทุนจากจีนเริ่มทยอยยุติการหอรือ และลงทุนกับ startup ของ สหรัฐอเมริกา รวมถึง startup บางรายมีความหวั่นวิตกที่ทางรัฐบาลสหรัฐจะยึดเงินลงทุนจากจีนไปหลังจากมีนโยบานี้เกิดขึ้น และมีบาง startup ที่ปฏิเสธเงินลงทุนจากจีนเพราะหวั่นถึงผลกระทบที่อาจจะตามมา
ประเทศจีน เป็นหนึ่งในประเทศที่ลงทุนในเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกามากที่สุด อย่างเช่นกลุ่มลงทุนจีนที่ได้ลงทุนไปกับ Uber Technologies หรือ UBER และ Lyft ซึ่งเป็นบริการเรียกรถแท็กซี่ on demand รวมถึงลงทุนไปกับระบบเก็บข้อมูลอัจฉริยะ (Data Center) และระบบรถขับเคลื่อนเอง (Autonomous Driving)
ปัญหาที่ตามมาถ้า รัฐบาลสหรัฐ ออกนโยบาย การลงทุนจากจีนนั้น ปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือเหล่าบริษัท startup จะไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจอันดับสองได้ เพราะเหล่านักทุนจากจีนจะไม่สามารถมีส่วนเกี่ยวข้องกับ startup ของสหรัฐได้
โดยนอกจากการที่รัฐบาลตะออกนโยบายไม่ให้จีนลงทุนในสหรัฐแล้ว ทางโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนที่จะไม่ให้บริษัทของสหรัฐอเมริกา ใช้เครื่องมือสื่อสารที่ผลิตโดยบริษัทจากประเทศจีน เช่น Huawei และ ZTE โดยมีข้อกล่าวหาในเรื่องของการสืบค้นข้อมูล (spying) โดยรัฐบาลจีน
อ้างอิง: Reuters
