เนสท์เล่ ประเทศไทย ย้ำแผนดำเนินงานมุ่งขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลก (Good for the Planet) ชูพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยอย่างครอบคลุม

 

คุณวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า ปี 2567 ปัญหาต้นทุน ทั้งโลจิสติกส์และภาคการผลิตที่เพิ่มสูงต่อเนื่อง ยังคงสร้างความตึงเครียดให้หลายภาคส่วน ซึ่งเนสท์เล่ ประเทศไทย ตระหนักถึงแรงกดดันดังกล่าว จึงได้ให้ความสำคัญกับการรักษา value chains โดยดึงเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการ save cost ให้ได้มากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการปรับขึ้นราคาเป็นขั้นสุดท้าย

ซึ่งกลุ่มสินค้าราคา 5-10 บาท ของผลิตภัณฑ์ในเครือ มีสัดส่วน 40% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเนสท์เล่ ยังคงเป็นกลุ่มสำคัญที่เนสท์เล่ให้ความสำคัญ พยายามรักษาระดับราคาให้เข้าถึงได้เช่นนี้ให้ยืนพื้นไปได้ในระยะยาว

เนื่องจากผลสำรวจผู้บริโภคทั่วโลกที่จัดทำโดยเนสท์เล่และคันทาร์ในปี 2565 พบว่า 91% ของผู้บริโภคชาวไทยต้องการรับประทานอาหารที่ดี และต้องการให้คนในครอบครัวมีการกินอยู่อย่างสมดุล ในขณะเดียวกันกลับพบว่ามีเพียง 42% ที่สามารถใช้ชีวิตด้วยการกินอยู่อย่างสมดุล โดย 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้บริโภคไทยไม่สามารถกินอยู่อย่างสมดุลได้ ประกอบด้วยเหตุผลด้านราคา เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าอาหารเพื่อสุขภาพมักจะมีราคาสูง เหตุผลอีกประการคือ ความต้องการสร้างความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวันด้วยการรับประทานของหวานหรือขนม และประการสุดท้าย คือ การไม่มีเวลาปรุงหรือเตรียมอาหารที่ดีด้วยความเร่งรีบจากกิจวัตรประจำวัน

เทรนด์ของผู้บริโภคนี้จึงนำไปสู่แนวคิดการกินอยู่อย่างสมดุล หรือ Balanced Diet ที่เนสท์เล่ต้องเดินหน้ากลยุทธ์การขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลก (Good for the Planet) อย่างต่อเนื่อง จากการผลิตด้วยแนวทางความยั่งยืน นับเป็นพื้นฐานในการสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง และตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคต

โดยเนสท์เล่ ประเทศไทย จะขับเคลื่อนการเติบโตของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ที่มีทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ส่งเสริมการกินอยู่อย่างสมดุล

งบลงทุนระยะยาว 2565-2571 ยังคงอยู่ในตัวเลขตามที่ได้ประกาศไปก่อนหน้าที่ 8,000 ล้านบาท เพื่อขยายสายการผลิต โดย 6,000 ล้านบาท จัดสรรไว้สำหรับการพัฒนาธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง  เสริมแกร่งสายการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารแมวเกรดซูเปอร์พรีเมียมชนิดเปียกและชนิดแห้งที่โรงงานเนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ ทั้งสองแห่ง โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามายกระดับการผลิตอาหารเพื่อสัตว์เลี้ยงให้มีรสชาติและรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์กลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี

และส่วนที่เหลือสำหรับธุรกิจ UHT ขยายสายการผลิตที่โรงงาน เพื่อเสริมแกร่งให้ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มยูเอชทีทั้งหมด ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ เช่น ไมโล ตราหมี S-26 และคาร์เนชั่น

จัดพอร์ตโฟลิโอ ส่งเสริมการกินอยู่อย่างสมดุล

ในปีนี้บริษัทแบ่งพอร์ตผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในแต่ละกลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคทุกวัน (Everyday Goodness) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของเนสท์เล่ ประเทศไทย เช่น เนสกาแฟ ไมโล นมตราหมี เนสวีต้า น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ น้ำแร่ธรรมชาติมิเนเร่ และแม็กกี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่ม (Tailored Nutrition) คือผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจ เนสท์เล่ เฮลท์ ไซเอนซ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็ก เช่น ผลิตภัณฑ์แบรนด์ เอส 26 ตราหมี คาร์เนชั่น และแนน และสุดท้ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ของว่าง (Mindful Indulgence) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถรับประทานได้อย่างพอประมาณ เพื่อสร้างสมดุลที่ดีทางจิตใจ อาทิ ไอศกรีมเนสท์เล่  คิทแคท เนสท์เล่ คอฟฟี่เมต รวมถึงเครื่องดื่มเนสท์เล่ที่จำหน่ายในช่องทางการบริโภคนอกบ้าน

ชู 2 กลยุทธ์หลักผลักดันการเติบโต

1. ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Grow a Healthier Portfolio) ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคทุกวัน และกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่ม ผ่านการมอบทางเลือกที่ดีขึ้นเพื่อสุขภาพ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติที่อร่อย พร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ พร้อมทั้งลดน้ำตาลและโซเดียม

ปัจจุบันเนสท์เล่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 100 รายการที่ได้รับการรับรองสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice Logo) นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เสริมแร่ธาตุและวิตามิน ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็กและผลิตภัณฑ์นม รวมถึงผลิตภัณฑ์บางชนิดสำหรับผู้ใหญ่ ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของผู้บริโภคทั่วประเทศ

2. ส่งเสริมการรับประทานอย่างสมดุล (Guide with Balanced Choice) สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของว่าง ด้วยการปรับสูตรอาหารให้ผู้บริโภคได้รับประทานอย่างพอเหมาะ เช่น ไอศกรีมสำหรับเด็กทุกชนิดที่ให้พลังงานเพียง 110 กิโลแคลอรีหรือน้อยกว่า ขนมแบบมัลติเสิร์ฟสำหรับการบริโภคแบบหลายคนหรือบริโภคหลายครั้ง จะมีการระบุปริมาณการรับประทานที่เหมาะสมสำหรับแต่ละมื้ออย่างชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์

พร้อมเปิดตัวแคมเปญยิ่งใหญ่ส่งเสริมการบริโภคอย่างสมดุล กับแคมเปญ “คำเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ – Every Little Bite Matters” เพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้เลือกรับประทานให้สมดุล ทั้งอาหารที่ดีต่อร่างกายและอาหารที่ดีต่อใจในปริมาณเหมาะสม เนสท์เล่เชื่อว่าอาหารทุกคำสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ตามมาเสมอ สื่อสารครบวงจรที่มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรับประทานอาหารอย่างสมดุล จุดประกายให้คนไทยลองเปลี่ยนคำเล็ก ๆ ในมื้ออาหาร สร้างสมดุลในทุกวัน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เช่น การจับคู่เพิ่มประโยชน์ให้อาหาร การควบคุมปริมาณให้เหมาะกับความต้องการของร่างกาย และการจัดมื้ออาหารให้สมดุล รวมทั้งเดินสายให้ความรู้คนไทยผ่านโครงการภารกิจพิชิตสุขภาพดี และกิจกรรมเนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง ตั้งเป้าเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 120,000 คนใน 200 ชุมชนทั่วประเทศตลอดปี 2024

นอกจากนี้ ด้านสิ่งแวดล้อมเนสท์เล่ยังมุ่งมั่นดูแลและฟื้นฟูผ่านกลยุทธ์ในการ “ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา” (Good for the Planet) โดยได้ดำเนินงานตามแผนงานด้านความยั่งยืนตลอดหลายปีที่ผ่านมาและมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก อาทิ 96% ของบรรจุภัณฑ์เนสท์เล่ประเทศไทย ได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ การจัดหาเมล็ดกาแฟและน้ำนมดิบอย่างยั่งยืน 100% รวมถึงให้การสนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟและเลี้ยงโคนม ปัจจุบันโรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ที่อยุธยาสามารถชดเชยน้ำกลับคืนสู่ชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้ 100% และมีการลดการปล่อยคาร์บอนตามแผนงานที่ตั้งไว้

คุณวิคเตอร์ มองว่า ปัจจัยบวกสำหรับตลาดอาหารและเครื่องดื่มในไทยปี 2024 จะยังเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีดีมานด์อยู่ต่อเนื่อง เพราะสินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าจำเป็น และจะได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไทย  รวมถึงเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ล้วนแต่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้น



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online