Loyalty แบรนด์จะรักษาได้อย่างไร เมื่อลูกค้านับวันยิ่งขี้เบื่อ โดยเฉพาะ Gen Z
ยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารมาไวไปไว ประเดี๋ยวเดียวความนิยมชมชอบสิ่งหนึ่งก็เปลี่ยนไป โดยที่เรายังไม่ทันได้กระโดดขึ้นขบวน เพราะมีความบันเทิงและสิ่งเร้าต่าง ๆ ต่อแถวรออยู่อีกมาก ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เสพความบันเทิงเพียงชั่วครู่ก็รีบเปลี่ยนไปหาสิ่งบันเทิงชิ้นต่อไป มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างน้อยลง
ส่งผลให้เกิดภาวะ “เบื่อง่าย หน่ายเร็ว” มองหาสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ชอบสิ่งซ้ำซากจำเจ กลายเป็นคนคาดเดายาก ชอบซื้อของตามอารมณ์ ชอบลองของใหม่ และไม่มีความภักดี (Brand Loyalty) ต่อแบรนด์สินค้าเหมือนเช่นในอดีต
ทำให้เกิดเทรนด์ที่เรียกว่า “ตลาดคนขี้เบื่อ” ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในอนาคต CMMU จึงได้จัดทำวิจัย “Turn Bore To Beat เจาะลึกอินไซต์พิชิตใจคนขี้เบื่อ” เพื่อศึกษาว่าความขี้เบื่อส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อ การเปลี่ยนแบรนด์สินค้า และความภักดีของผู้บริโภคในแต่ละเจเนอเรชันอย่างไร
โดยได้ทำการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,019 คน ใน 4 ช่วงอายุ แบ่งเป็น Gen Z (ผู้เกิดปี พ.ศ. 2541 – 2555), Gen Y (ผู้เกิดปี พ.ศ. 2523 – 2540), Gen X (ผู้เกิดปี พ.ศ. 2508 – 2522) และ Baby Boomers (ผู้เกิดปี พ.ศ. 2489 – 2507)
และจากผลการสำรวจ พบว่า กว่า 50% ของคนไทยขี้เบื่อ และมีกลุ่มคนที่เบื่อมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติที่เรียกว่า “เบื่อเท่าจักรวาล” 10.5% และ “เบื่อเท่าฟ้า” 41.6%
โดย Gen ที่มีความเบื่อมากที่สุดจากมากไปน้อย ได้แก่ Gen Z, Y, X และยังพบอีกว่า 1 ใน 3 (31.1%) ของคนไทยเป็นคนแสวงหาความหลากหลายสูง (High Variety Seeking)
โดยเจเนอเรชันที่แสวงหาความหลากหลายสูงมากที่สุดจากมากไปน้อย ได้แก่ Gen X, Baby boomer, Y
และเมื่อศึกษาลึกลงไปอีกพบว่าเมื่อเบื่อแล้วมีการเปลี่ยนกลับไปใช้แบรนด์ที่คุ้นเคย 43% ในจำนวนนี้เป็น Gen Z มากที่สุด และเบื่อแล้วเปลี่ยนไปใช้แบรนด์ใหม่ 37% เป็น GEN X มากที่สุด ส่วนอีก 20% เป็นผู้บริโภคที่ยังไม่ตัดสินใจซึ่งเป็นไปได้ทั้ง 2 ทางเลือก
สำหรับกิจกรรมแก้เบื่อยอดนิยม 5 อันดับแรกของแต่ละ Gen พบว่า “ดูหนังหรือโทรทัศน์” เป็นกิจกรรมแก้เบื่อที่ทุก Gen นิยมมากที่สุด ส่วนอันดับรอง ๆ ลงมา ใน Gen Z ได้แก่ ฟังเพลง เล่นโซเชียล หาของกิน ช้อปปิ้ง
Gen Y ได้แก่ เล่นโซเชียล หาของกิน ฟังเพลง ช้อปปิ้ง
Gen X ได้แก่ หาของกิน เล่นโซเชียล ช้อปปิ้ง ฟังเพลง
Baby Boomer ได้แก่ เล่นโซเชียล หาของกิน พบปะสังสรรค์ ฟังเพลง
แบ่งตามเพศ พบว่า กิจกรรมแก้เบื่อยอดนิยมของผู้ชาย ได้แก่ การออกกำลังกาย ผู้หญิง ได้แก่ การช้อปปิ้ง และ LGBTQIA+ ได้แก่ การพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
คนขี้เบื่อแต่ละ Gen เขาทำอะไรกัน
50% ของคนไทยขี้เบื่อ | และมีกลุ่มที่เบื่อมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ | “เบื่อเท่าฟ้า” 41.6% | |
“เบื่อเท่าจักรวาล” 10.5% | |||
Gen ที่ขี้เบื่อมากสุด | 1. Gen Z
2. Gen Y 3. Gen X |
||
31.1% ของคนไทยเป็นคนแสวงหาความหลากหลายสูง | |||
Gen ที่แสวงหาความหลากหลายสูง | 1. Gen X
2. Baby boomer 3. Gen Y
|
||
43% เมื่อเบื่อแล้วจะเปลี่ยนกลับไปใช้แบรนด์ที่คุ้นเคย [Gen Z มากที่สุด] | |||
37% เบื่อแล้วเปลี่ยนไปใช้แบรนด์ใหม่ [Gen X มากที่สุด] | |||
กิจกรรมแก้เบื่อยอดนิยม | |||
GEN Z
-ฟังเพลง -เล่นโซเชียล -หาของกิน -ช้อปปิ้ง |
Gen Y
-เล่นโซเชียล -หาของกิน -ฟังเพลง -ช้อปปิ้ง |
Gen X
-หาของกิน -เล่นโซเชียล -ช้อปปิ้ง -ฟังเพลง |
Baby Boomer
-เล่นโซเชียล -หาของกิน -พบปะสังสรรค์ -ฟังเพลง |
แบ่งตามเพศ | |||
ผู้ชาย
-การออกกำลังกาย |
ผู้หญิง
-ช้อปปิ้ง |
LGBTQIA+
-พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง |
|
**กลุ่มตัวอย่าง 1,019 คน ใน 4 ช่วงอายุ (พ.ศ. 2507-2541) |
ผศ. ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวว่า ความเบื่อนี้นอกจากจะมาจากปัจจัยภายในตัวผู้บริโภคเองแล้วยังสัมพันธ์กับปัจจัยภายนอกที่ผู้ขายมีมากขึ้น ทำให้มีสินค้าใหม่และตัวเลือกใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดตลอดเวลา ยิ่งกระตุ้นให้อยากลองของใหม่ไปเรื่อย ๆ ส่งผลให้สินค้าที่เคยขายดีอาจไม่ขายดีตลอดไป ทำให้เจ้าของสินค้าและบริการในปัจจุบันทำการตลาดยากขึ้นและต้องปรับตัว
ซึ่งการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนใจเร็ว ไม่ยึดติดกับแบรนด์ใด ๆ ก็เป็นได้ทั้งความเสี่ยงและโอกาส เป็นโอกาสแจ้งเกิดของแบรนด์ใหม่ ๆ หรือ SMEs เพราะคนขี้เบื่อไม่ยึดติดแบรนด์ ถ้าคุณภาพดี มีจุดขายที่โดนใจ ราคาไม่แพงเกินไปก็พร้อมจะลองซื้อมาใช้ได้ไม่ยาก
คุณเชิญตะวัน จูประเสริฐ หัวหน้าทีมงานวิจัย นักศึกษาสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำกลยุทธ์ง่าย ๆ มัดใจลูกค้าขี้เบื่อ เรียกว่า “BEAT” ดังนี้
Be specific – เจาะตรงจุด จี้โดนใจ ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายว่าอยู่ Gen ไหน ชอบใช้ media platform อะไรแล้วสื่อสารให้ตรงจุด เน้นคอนเทนต์บันเทิง สนุกสนาน สื่อสารด้วยวิดีโอและภาพเป็นหลัก โดยที่ Top 3 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่คนนิยมใช้มากที่สุด คือ TikTok YouTube และ IG
Extremely appealing – โดดเด่น ดึงดูด เพราะผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่คล้ายกันเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องสร้างเอกลักษณ์และจุดขายที่โดดเด่นและแตกต่างให้เป็นที่จดจำ ป้อนรีวิวที่จริงใจดึงดูดความสนใจ โดยใช้ Opinion Leader ของแต่ละ Gen มาพูดโน้มน้าว แต่ต้องไม่ยัดเยียด เข้าหาเหมือนเพื่อน
Amazed emotion – แปลกใหม่ ประทับใจ สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ไม่จำเจ ให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วม เช่น ทำ challenge ให้เกิด User – Generated Content (UGC) หรือ Personalize Marketing (การตลาดเฉพาะบุคคล) เช่น ให้ลูกค้าออกแบบและทำลิปสติกสีที่มีเพียงแท่งเดียวในโลก
Too fun to stop – พัฒนาไม่หยุดนิ่ง ออกสินค้าใหม่ ๆ หรือปรับให้มีความน่าตื่นเต้น ตามเทรนด์อยู่เสมอ หรือ Collaboration กับแบรนด์อื่น ๆ ให้แบรนด์อยู่ในกระแสตลอด รวมทั้งทำ CRM (Customer Relationship Management) เพื่อเก็บข้อมูล สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าและนำเสนอสินค้าที่ตอบสนองความต้องการ
และ 5 เทคนิค ทางการตลาดที่ธุรกิจสามารถนำมาประยุกต์ใช้มัดใจคนขี้เบื่อ ได้แก่
- Adjustable – ปรับเปลี่ยนการใช้งานให้เข้ากับบุคลิกและไลฟ์สไตล์ในแต่ละวัน เช่น รองเท้า Croc ที่ให้ลูกค้าเลือกเปลี่ยน Jibbitz น่ารัก ได้ตามใจชอบ ทำให้ได้รองเท้าที่มีเฉพาะของเราคนเดียว กำไลข้อมือ Pandora ที่สามารถเลือก Charm มาตกแต่งได้ตามสไตล์ที่ต้องการ นาฬิกา Apple Watch ที่เปลี่ยนสายได้ เพื่อให้ลูกค้าหยิบมา Mix and Match ปรับลุคได้ไม่ซ้ำตามแต่โอกาส
- Personalized – ปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าให้เข้ากับบุคลิกของแต่ละบุคคล เช่น แบรนด์เครื่องสำอางมีการให้คำแนะนำเฉดสี Personal Color ที่เหมาะกับบุคลิกของคนคนนั้น หรือน้ำหอม Jo Malone ที่สามารถผสมกลิ่นขึ้นมาเป็นกลิ่นใหม่ได้เพื่อให้ลูกค้ามีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- Socializing – สร้างสถานที่และบรรยากาศที่เอื้อต่อการพบปะสังสรรค์หรือทำกิจกรรมร่วมกันได้ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่มีหนังหรือรายการกีฬาให้ดู มีบอร์ดเกมให้เล่น มีเสียงเพลงหรือดนตรีสดให้ฟัง หรืออย่าง H&M ที่เปิดห้องคาราโอเกะเพื่อให้ลูกค้ามาซื้อเสื้อผ้าและสังสรรค์ได้ด้วย และล่าสุด Pocky ที่เปิด “Pocky Cafe” ไปเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อเพิ่มยอดขายและใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น
- Renting Model – สร้างแพลตฟอร์มธุรกิจเช่าใช้ชั่วคราวและปรับเปลี่ยนสินค้าได้เรื่อย ๆ เช่น ร้านเช่าชุดเพื่อออกงานหรือไปเที่ยวที่ถ่ายลงโซเชียลมีเดียได้ไม่ซ้ำ แพลตฟอร์ม VIENN ที่ส่งต่อสินค้าแฟชั่นมือสอง หรืออย่างเช่น ธุรกิจ Kinto ของโตโยต้าที่เปิดบริการให้เช่ารถยนต์รายเดือนเพื่อให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนรถได้หลายรุ่น โดยไม่ต้องซื้อ
- Marketainment – ใช้ความสนุกสนาน ความบันเทิงมาเชื่อมกับการตลาด เนื่องจากผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ชอบถูกยัดเยียด แต่ต้องดึงดูดความสนใจ สร้างความเพลิดเพลิน หรือสร้างความประทับใจให้แก่พวกเขาให้ได้ก่อนจึงจะกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้ เช่น Shopertainment โดยการไลฟ์สดขายของและมีกิจกรรมให้ร่วมสนุก หรือ Edutainment กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ที่สอดแทรกความสนุกสนาน
อย่างไรก็ตาม พึงระลึกไว้ว่า ไม่ว่าลูกค้าจะขี้เบื่อแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องการแค่ความแปลกใหม่หรือแตกต่างเท่านั้น ผู้บริโภคยังต้องการสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพดีกว่าเดิม ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่สามารถสร้าง Loyalty ครองใจและมัดใจลูกค้าไม่ว่าจะเป็นคนขี้เบื่อหรือไม่ การรักษาและควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการให้ดีอยู่เสมอ คือ กุญแจสำคัญเหนือทุกกลยุทธ์
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ