“ฟูจิฟิล์ม” เปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ “instax mini Liplay” ราคา 5,490 บาท มา พร้อมฟังก์ชันบันทึกเสียง-qr code-เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ตั้งเป้าโต 30% อัดงบการตลาด 30 ล้าน ส่งกลยุทธ์ Influencer จับกลุ่มเป้าหมาย 7 เซกเมนต์

ซึโมตุ วาตะนาเบ้ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทมียอดขายจากกล้อง Instax ทั่วโลกถึง 10 ล้านเหรียญ ขณะที่ปี 2560 มียอดขายที่เพียง 7.7 ล้านเหรียญ โดยการเติบโตที่เพิ่มขึ้นมาจากเทรนด์ทั่วโลกที่กลับมาให้ความสนใจ ‘ฟิล์ม’ และ ‘โพราลอยด์’ มากยิ่งขึ้น

สำหรับ 5 ประเทศที่ฟูจิได้เข้าไปทำตลาดและทำรายได้มากที่สุดตามลำดับคือ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย

ซึโมตุกล่าวอีกว่า ประเทศไทยเป็นตลาดทอป 5 ที่ช่วยดันยอดขายให้บริษัทประสบความสำเร็จในตลาดกล้องและฟิล์ม instax โดยปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัว 2 รุ่น และได้รับผลตอบรับดี ส่วนปีนี้บริษัทจึงส่งมาอีก 1 รุ่น เพื่อกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง

โดยรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2562 เป็นกล้องระบบ Hybrid instant camera ภายใต้รุ่น “instax mini Liplay” ราคา 5,490 บาท

คุณสมบัติกล้องรุ่นใหม่คือ (1) สามารถบันทึกเสียงเข้าไปในภาพได้โดยสามารถฟังข้อความเสียงที่บันทึกผ่านการสแกน QR Code (2) สั่งปริ้นต์ภาพได้มากกว่า 1 ภาพ และ (3) สั่งกดชัตเตอร์ผ่านโทรศัพท์มือถือได้ด้วยการเชื่อมต่อ Bluetooth

บริษัทตั้งเป้าการเติบโต 30% ภายในปี 2562

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ได้ “instax mini Liplay” มาทำตลาดช้ากว่าประเทศอื่นๆ โดยประเทศอื่นๆ ได้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายน 62

ด้านสภารัตน์ ประดิษฐ์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด แผนก โฟโต้อิมเมจจิ้ง บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2562 บริษัททุ่มงบการตลาด 30 ล้านบาท เพื่อสื่อสารและโฆษณา ภายใต้แคมเปญ #LiveLifePlay ให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

แต่ปัจจุบัน ‘กล้อง instax’ จัดในหมวดสินค้าไลฟ์สไตล์ ดังนั้นบริษัทจึงจ้าง ‘อินฟลูเอนเซอร์’ เพื่อเข้าถึง ‘กลุ่มเป้าหมาย’ ถึง 7 เซกเมนต์

ทั้ง 7 เซกเมนต์ ได้แก่ คนรักสัตว์เลี้ยง กลุ่มครอบครัว แฟชั่น อาหาร บิวตี้ ศิลปะ และท่องเที่ยว โดยบริษัทจ้างอินฟลูเอนเซอร์-บล็อกเกอร์มากกว่า 30 ช่อง

แต่สภารัตน์บอกว่า เซกเมนต์แฟชั่นและบิวตี้ เป็น 2 กลุ่มที่มีกำลังซื้อและบริษัทให้ความสำคัญอย่างสูง

ขณะที่กลุ่มลูกค้าในเชิงประชากร บริษัทมีลูกค้ากล้องเป็นเพศหญิงในสัดส่วน 60% และเพศชาย 40%

สภารัตน์กล่าวอีกว่า เมื่อตลาดกล้องและโพราลอยด์คึกคักมากขึ้น ย่อมส่งผลให้ ‘ฟิล์ม’ โพราลอยด์คึกคักมากขึ้นด้วยเช่นกัน

โดยปัจจุบันฟิล์มโพราลอยด์มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 290 บาท ซึ่งบริษัทยังคงทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโปรโมชั่นซื้อ 3 แถม 1 ผ่านหน้าร้านตัวแทนจำหน่าย

สภารัตน์ทิ้งท้ายว่า หลังจากปล่อยรุ่น “instax mini Liplay” แล้ว หวังให้เกิดเป็น ‘เทรนด์’ โพราลอยด์ในโซเชียลมีเดีย เพราะฟังก์ชันต่างๆ ก็มีลูกเล่นสอดรับกับโซเชียลมีเดีย

ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทใช้กลยุทธ์การตลาด Music Marketing โดยร่วมกับวง BNK ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกลยุทธ์ Micro Influencer ในปี 2562


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer