ตลาดเครื่องแบบนักเรียน มูลค่าเท่าไร ? วิเคราะห์จุดแข็ง 3 แบรนด์หลัก ทำไมถึงกุมใจผู้ปกครองทุกยุคทุกสมัย
นักเรียนเปิดเทอมได้แล้วกว่า 2 เดือน ตลาดเครื่องแต่งกายนักเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
ก่อนหน้านี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่า ผู้ปกครองกว่า 54.2% มีความกังวลต่อสภาพคล่องทางการเงินที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อการศึกษาในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2562
ขณะที่งบประมาณของผู้ปกครองเพื่อการใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2562 นี้ ส่วนใหญ่มองว่า “คงที่” เมื่อเทียบกับในช่วงเปิดเทอมใหญ่ในปีที่ผ่านมา
ส่วนค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองมองว่าเพิ่มขึ้น จะเป็นค่าเรียนพิเศษ/กวดวิชา และการเรียนเสริมทักษะต่างๆ
รองลงมา คือ กลุ่มหนังสือและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ส่วนค่าใช้จ่ายที่ผู้ตอบแบบสอบถามมีการปรับลดลงเป็นสัดส่วนที่มากกว่าค่าใช้จ่าย คือ กลุ่มเครื่องแต่งกายนักเรียน
และยังคาดว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาในช่วงเปิดเทอมใหญ่ของผู้ปกครองในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะมีมูลค่า 28,220 ล้านบาท
แล้วกลุ่มเครื่องแต่งกายนักเรียนที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่บอกว่าจะซื้อน้อยลงนั้นตอนนี้มีมูลค่าตลาดเท่าไรกัน
ตลาดเครื่องแบบนักเรียนมีมูลค่าหมื่นล้านบาท
แบ่งเป็นตลาดชุดนักเรียนมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท
และตลาดรองเท้านักเรียน 5,000 ล้านบาท
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า ธุรกิจการผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมวิชาชีพนักเรียนและนักศึกษาในปัจจุบันมีอยู่ 192 ราย (รหัสประเภทธุรกิจ : 14111) ขณะที่แบรนด์เจ้าตลาดที่เป็นตัวเลือกแรกๆ ของผู้ปกครองนั้นมองว่ามีอยู่ 3-4 แบรนด์

:: ตราสมอ ::
‘ตราสมอ’ มีจุดเริ่มต้นจากสองสามีภรรยา กิตติ และลักษมณ์สุนีย์ ศิริปทุมมาศ ในปี พ.ศ. 2500 มีสโลแกนคุ้นหูอย่าง “ใส่สมอ เท่เสมอ”
ปัจจุบันอยู่ในการบริหารงานของทายาทรุ่นที่ 2 อาภาพร ศิริปทุมมาศ ที่รายได้ในปีที่ผ่านมาเกือบแตะ 600 ล้านบาท
:: น้อมจิตต์ ::
แบรนด์ที่เก่าแก่เป็นรองจากตราสมอ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยสุมิตร-น้อมจิตต์ จิตรมีศิลป์ ที่เริ่มต้นธุรกิจจากร้านขายเสื้อผ้าทั่วไป บนตึกแถว 1 คูหา จากนั้นผลิตชุดนักเรียนจำหน่ายเองจนถึงปัจจุบัน
ปีที่ผ่านมาน้อมจิตต์มีรายได้กว่า 100 ล้านบาท
:: สมใจนึก ::
“สมใจนึก เทเวศร์” เติมโตมาจากธุรกิจครอบครัวของตระกูลอมรวัฒนา ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2498 ก่อตั้งเป็น ‘สมใจนึก บางลำภู’ ในปี 2515 ‘สมใจนึก เทเวศร์’ ได้ก่อตั้งขึ้นและแยกออกมาจากสมใจนึก บางลำภู อย่างเป็นทางการ
หากนับรวมอายุสมใจนึกตั้งแต่แรกก็นับเป็นแบรนด์ที่เก่าแก่มากที่สุดรายหนึ่ง เพราะมีอายุ 64 ปีแล้ว
โดยปัจจุบันสมใจนึก เทเวศร์ มีอยู่สาขาเดียวเท่านั้น ส่วนรายได้ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5,804,043.09 บาท
แล้วแบรนด์เหล่านี้มีกลยุทธ์อะไรในการยืนอยู่ใน ตลาดเครื่องแบบนักเรียน ที่ทรงๆ และจะคึกคักเฉพาะก่อนเปิดเทอมแค่ช่วง 2 เดือนเท่านั้น
Marketeer มองว่า
1. ความอยู่มานาน: แม้ว่าจะมีร้านจำหน่ายชุดนักเรียนเกิดใหม่หลายราย แต่ความอยู่มานานของแบรนด์เหล่านี้ทำให้ภาพลักษณ์ หรือแบรนดิ้งมีความชัดเจน ผู้ปกครองจึงมักจูงมือลูกหลานเข้าไปยังร้านค้าเหล่านี้ก่อนใครเพื่อน
2. คุณภาพและความมีมาตรฐาน
3. โมเดลธุรกิจ: ที่ไม่ได้ขายเฉพาะแต่เพียงหน้าร้านตัวเองเท่านั้น แต่ยังรับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ แถมยังเจาะตลาดเข้าไปจำหน่ายตามโรงเรียนโดยเฉพาะ
4. ปรับภาพลักษณ์ให้เข้ากับยุค: ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทมากในชีวิตประจำวัน การขายสินค้าหนึ่งๆ ผ่านช่องทางออฟไลน์อย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องเพิ่มช่องทางออนไลน์เพื่อให้สร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience) แม้ว่า พฤติกรรมการซื้อชุดนักเรียนมักจะต้องไปลองไปซื้อที่ร้านเพื่อให้ได้ไซส์ที่พอดีก็ตาม
ลองสำรวจหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ชุดนักเรียนเหล่านี้พบว่า แบรนด์สมใจนึก ทำได้ดีกว่าทุกแบรนด์ เพราะในเว็บมีภาพ ราคาที่ชัดเจนสามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้

จากการสำรวจราคาชุดนักเรียนพบว่า ราคาเฉลี่ยชุดนักเรียน 1 ชุด อยู่ที่ราว 500 บาท
/////////
นอกจาก 3 แบรนด์ที่กล่าวไปข้างต้น ยังมีอีกหนึ่งแบรนด์ที่ติดตลาดอย่าง “ท็อปสัน” ที่มีหน้าร้านที่บางลำภู และในห้างเดอะมอลล์บางสาขา
โดยข้อมูลจากเว็บไซต์บริษัทพบว่า มีบริษัทที่จดทะเบียนเกี่ยวข้องด้วยกัน 4 บริษัท
- บริษัทท็อปสัน 1994 จำกัด ที่ส่งงบฯ ล่าสุดเมื่อปี 2556
- บริษัท ท็อปเปอร์ (1994) จำกัด
- บริษัท ท็อปเปอร์ (2014) จำกัด จดทะเบียน พ.ศ. 2557 โดยแจ้งมีรายได้ปี 2560 6,121,529.49 ล้านบาท กำไร 227,527.69 บาท
- บริษัท ท็อป อินฟินิตี จำกัด จดทะเบียน พ.ศ. 2559 โดยแจ้งมีรายได้ปี 2561 5,449,767.15 ล้านบาท กำไร 507,645.53 บาท
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
