กองทุนบัวหลวง และ เค. อี. รีท แมเนจเมนท์ พร้อมขายหน่วยทรัสต์ให้ประชาชนทั่วไป (PO) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ บัวหลวง เค.อี. รีเทล (BKER) ในวันที่ 18-22 พ.ย. และ 25 พ.ย. 2562 ในราคา 10.00 บาทต่อหน่วย และเสนอขายให้ผู้ถือหน่วย CRYSTAL ที่มีสิทธิจองซื้อ 18-20 พ.ย. 2562 ประเมินผลตอบแทนปีแรก 7.29% (เทียบกับราคาเสนอขายที่ 10.00 บาทต่อหน่วย) มั่นใจใช้จุดแข็งจากการมีผู้จัดการกองทรัสต์บริหารร่วม 2 ราย ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์เมืองไทย พร้อมเดินหน้าหาโอกาสเข้าลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพเพิ่มในอนาคต
โดย กองทุนบัวหลวง และ เค. อี. รีท แมเนจเมนท์ ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ร่วม ของ BKER พร้อมระดมทุนประมาณ 7,420 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการเสนอขายหน่วยทรัสต์ ไม่เกิน 5,066 ล้านบาท และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ไม่เกิน 2,875 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่กองทรัสต์จะลงทุนเพิ่มเติม
นอกจากนี้ สำหรับการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติม จะเสนอขายต่อผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์คริสตัล รีเทล โกรท (CRYSTAL) ที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์ (Record Date) (ผู้ถือหน่วย CRYSTAL ที่มีสิทธิจองซื้อ) ในวันที่ 7 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมาด้วยอัตรา 1.53 หน่วยลงทุนของ CRYSTAL ต่อสิทธิจองซื้อ 1 หน่วยทรัสต์ใหม่ของ BKER โดยสามารถใช้สิทธิได้ในวันที่ 18-20 พ.ย. 2562 และจะเสนอขายหน่วยทรัสต์ให้แก่ประชาชนทั่วไป (PO) ระหว่างวันที่ 18-22 พ.ย. 2562 และ 25 พ.ย. 2562 รวมทั้งเสนอขายต่อบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับผู้จัดการกองทรัสต์ และ/หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่กองทรัสต์จะเข้าลงทุน (PP) ด้วยราคาเสนอขาย 10.00 บาทต่อหน่วย
ภายหลังระดมทุน BKER จะนำเงินไปลงทุนครั้งแรกในสิทธิการเช่าระยะยาว ศูนย์การค้าแบบไลฟ์สไตล์ 10 โครงการ มีอายุของสิทธิการเช่าเฉลี่ยรวมทุกโครงการประมาณ 28.3 ปี ประกอบด้วยทรัพย์สินจากการแปลงสภาพของกองทุน CRYSTAL เดิม และส่วนที่ลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่
- โครงการ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) มีทั้งส่วนที่รับโอนจาก CRYSTAL และลงทุนเพิ่มเติม
- โครงการ เดอะ คริสตัล เอกมัย-รามอินทรา (TC) มีทั้งส่วนที่รับโอนจาก CRYSTAL และลงทุนเพิ่มเติม
- โครงการ เดอะ คริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ (TCR)
- โครงการ เดอะ ซีน ทาวน์ อิน ทาวน์ (The Scene)
- โครงการ อมอรินี่ รามอินทรา (Amorini)
- โครงการ เพลินนารี่ มอลล์ วัชรพล (Plearnary)
- โครงการ สัมมากร เพลส รามคำแหง (ฝั่งตะวันตก) (SPRM)
- โครงการ สัมมากร เพลส รังสิต (SPRS)
- โครงการ สัมมากร เพลส ราชพฤกษ์ (SPRP)
- โครงการ แอมพาร์ค จุฬา (I’m Park)
โดย จุดเด่นของศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ 10 โครงการที่ BKER จะเข้าไปบริหาร นั้น อัตราการเช่าเฉลี่ยรวมทุกโครงการนั้นอยู่สูงกว่า 90% เปิดดำเนินงานมาแล้วมากกว่า 5-10 ปี ตั้งอยู่ในย่านที่ประชากรหนาแน่น เช่น เป็นย่านหมู่บ้านจัดสรร โรงเรียน สำนักงาน หรือคอนโดมิเนียม ทั้งยังอยู่บนถนนสายหลัก หรือบริเวณแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ที่จะดำเนินการก่อสร้างในอนาคต ขณะที่ภายในโครงการมีร้านค้าและบริการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ครบวงจร
BKER จะช่วยเพิ่มโอกาสการเติบโตอย่างมั่นคงให้ธุรกิจศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์โดยรวม ผ่านการใช้จุดแข็งจากการบริหารหลายโครงการ ผสานผลประโยชน์ (Synergy) เพิ่มอำนาจต่อรอง และประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) ด้วยการบริหารแบบรวมศูนย์ มีแนวทางเชิงสร้างสรรค์ในการพัฒนารายได้ค่าเช่าให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในทุกโครงการ ซึ่งจะมาตอบโจทย์เจ้าของโครงการอื่นๆ ในพื้นที่ศักยภาพที่มองหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยบริหารจัดการเพื่อเพิ่มโอกาสเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานได้
ถึงแม้กระแสการช้อปปิ้งออนไลน์จะมาแรงมากขึ้น แต่ธุรกิจศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ยังเติบโตได้ดีและมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องไปอีก ด้วยจุดแข็งคือ เป็นพื้นที่มอบประสบการณ์ที่ผู้บริโภคยังต้องการเดินทางมาใช้บริการ เช่น ร้านอาหาร เครื่องดื่ม สถาบันกวดวิชา คลินิกเสริมความงาม ฟิตเนส ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ครบครัน เป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับครอบครัว และเป็นจุดนัดพบของคนทุกเพศทุกวัย
ภายหลังเข้าบริหารโครงการต่างๆ ที่กองทรัสต์เข้าลงทุนแล้ว กลุ่มบริษัท เค.อี. ได้มีการนำระบบซอฟต์แวร์ อีอาร์พี ยาร์ดี (Yardi) จากสหรัฐอเมริกา มาพัฒนาพอร์ตโฟลิโอด้านการบริหารร้านค้าและศูนย์การค้า พร้อมนำระบบแอปพลิเคชันสำหรับสะสมแต้มที่ทันสมัยที่สุดมามอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า และเพื่อจูงใจให้เข้ามาใช้บริการ ขณะเดียวกันจะสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทเทคโนโลยีหลายด้าน เช่น อี-คอมเมิร์ซ ส่งอาหาร โลจิสติกส์ การเดินทาง และสุขภาพ เป็นต้น
ทั้งนี้ การที่กองทุนบัวหลวง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญการบริหารกองทุน ร่วมมือกับ บริษัท เค.อี.รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ภายใต้กลุ่มบริษัท เค.อี. ที่ชำนาญด้านพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ ทั้งประเภทที่อยู่อาศัยและโครงการศูนย์การค้าประเภทคอมมูนิตี้ มอลล์ มาเป็นระยะเวลากว่า 12 ปี เป็นผู้จัดการกองทรัสต์ร่วมกัน จะช่วยให้บริหารโครงการทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ในระยะยาว ทั้งยังสนับสนุนให้เกิดการพัฒนากองทรัสต์ในประเทศไทยให้เติบโตทัดเทียมกับกองทรัสต์ในระดับสากลด้วย
ในปีแรกประเมินว่า BKER จะให้อัตราผลตอบแทน 0.7291 บาทต่อหน่วย หรือ คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7.29% จากราคาเสนอขายที่ 10.00 บาทต่อหน่วยโดยอ้างอิงประมาณการกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วจากงบกำไรขาดทุนที่คาดคะเนตามสมมุติฐานสำหรับงวด 12 เดือนแรก และในอนาคต กองทรัสต์ BKER จะมองหาการลงทุนเพิ่มเติมโครงการใหม่ๆ อีก เพื่อโอกาสเติบโต
ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วย CRYSTAL ที่มีสิทธิจองซื้อ สามารถตรวจสอบสิทธิได้จากใบรับรองสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์ซึ่งออกโดยนายทะเบียนของ CRYSTAL และสามารถมาใช้สิทธิได้ระหว่างวันที่ 18-20 พ.ย. 2562 โดยจะชำระค่าจองซื้อที่ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์ที่ 10.00 บาทก่อนในวันใช้สิทธิ) สามารถจองซื้อได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขา ยกเว้นสาขาไมโคร
ส่วนนักลงทุนทั่วไป สามารถจองซื้อได้ วันที่ 18-22 พ.ย. 2562 และ 25 พ.ย. 2562 (ในเวลาทำการของสาขาที่เปิดรับจองซื้อ) ก่อนเวลา 15.30 น. ในราคาเสนอขาย 10.00 บาทต่อหน่วย (นักลงทุนทั่วไปจะชำระราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์ที่ 10.00 บาทก่อนในวันจองซื้อ) โดยจำนวนจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 หน่วย ทวีคูณ 100 หน่วย วิธีการจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดจำหน่าย สามารถจองซื้อได้ที่ธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขา ยกเว้นสาขาไมโคร และ บล. บัวหลวง
ผู้จองซื้อสามารถตรวจสอบผลการจัดสรรได้ที่สำนักงานของบริษัทจัดการ สำนักงานใหญ่และแต่ละสาขาของผู้จัดการการจัดจำหน่าย ยกเว้นสาขาไมโคร (ในวันทำการเท่านั้น)
*ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.bkerreit.com
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



