ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า การทำศูนย์การค้าในยุดนี้ แค่ดึงเมอร์แชนไดส์ซิ่งชื่อดังจากต่างประเทศ ไม่สามารถดึงให้คนเข้าศูนย์ได้ เพราะพฤติกรรมคนเริ่มขี้เบื่อง่าย ไปไม่กี่ครั้งก็พอแล้ว อีกทั้งสินค้าบางยังสามารถซื้อได้ในออนไลน์
“ด้วยพฤติกรรมและสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทำให้โจทย์ของการทำศูนย์การค้าก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งคนที่จะปั้นศูนย์การค้าให้เก่งได้ จึงต้องปั้นคอมมินิตี้ให้หลากหลาย จับกลุ่มคนในแต่ละเซ็กเมนต์ เพื่อให้เกิดทราฟฟิกที่หมุนเวียนอยู่ตลอด”
“เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต” ซูเปอร์รีจินัลมอลล์
ซึ่งซีพีเอ็นก็ได้ปรับตัวและพัฒนาคอนเซ็ปต์ใหม่ๆเพื่อให้สอดรับไปกับพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างที่ “เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต” ก็ได้คอนเซปต์ให้เป็น“ซูเปอร์รีจินัลมอลล์” ซึ่งหมายถึงการสามารถดึงคนที่อยู่ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียง ให้สามารถเข้ามายังศูนย์การค้าได้
โดยเปิดมาได้ราว 1 ปีกว่า ใช้งบลงทุนไปทั้งหมด 14,000 ล้านบาท ในขนาด 100 ไร่ มีพื้นที่โครงการ 500,000 ตารางเมตร ครอบคลุมเป้าหมาย 13 ล้านคน ในพื้นที่รัศมีการเดินทางในระยะ 1.5 ชั่วโมง ใน 8 จังหวัด ซึ่งแม้จะเปิดได้ไม่นานแต่ในปีที่ผ่านมา ในด้านรายได้ชยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 รองจาก เซ็นทรัลเวิลด์และเซ็นทรัล ลาดพร้าว แล้ว
“หลังจากที่ เวสต์เกตเกิดขึ้น ได้เปลี่ยนพื้นที่ย่านชานเมืองให้กลายเป็นเขตเมืองได้ เห็นได้จากการเติบโตของเมือง จำนวนประชากร กำลังซื้อ โครงการที่อยู่อาศัยกว่า 40,000 ยูนิต ซึ่งคาดว่าภายใน 5 ปีการเติบโตของโครงการที่อยู่อาศัยจะเพิ่มเป็น 150,000 ยูนิต”
โดยซีพีเอ็นวางแผนให้ห้างที่อยู่ชานเมืองเน้นจับกลุ่มคนในพื้นที่ขณะที่ห้างใจกลางเมืองก็จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยงมากขึ้น
สร้างแม็กเน็ตขนาดใหญ่ และทำอีเว้นท์ถี่ กระตุ้นคน
ขณะเดียวกันก็ได้เสริมโมเดลธุรกิจด้วย ‘Big Bang Magnets’ โดยดึงแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เข้ามาเป็นแม่เหล็กยักษ์ที่มีศักยภาพส่งเสริมซึ่งกันและกัน อย่างล่าสุด ก็มี “อิเกีย” แบรนด์เฟอนิเจอร์ระดับโลกที่เข้ามาเปิดสโตร์โมเดลใหม่ ซึ่งไม่เพียงใหญ่และใหม่ที่สุดในไทยแต่ยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยพื้นที่รวมกว่า 50,000 ตร.ม. มีทางเข้า–ออกถึง 8 ทาง (มีทางเชื่อมกับเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต 3 ชั้น) และมีเคาท์เตอร์จ่ายเงินในทุกๆ ชั้นรวม 29 จุด
“เชื่อว่าการมีอิเกียจะทำให้ทราฟฟิกขยับขึ้นมาเป็นวันละ 100,000 คน หรือจาก วันธรรมดา 65,000 คน/วัน และวันหยุด 100,000 คน/วัน มาเป็นวันธรรมดา 75,000 – 80,000 คน/วัน และวันหยุด 130,000 – 140,000คน/วัน รวมไปถึงเพิ่มกลุ่มคนที่มาเดินจากครอบครัว เป็นกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มที่เริ่มมีครอบครัวด้วย”
นอกจากการเสริมด้วยแบรนด์ขนาดใหญ่แล้วการทำเสริมด้วยอีเว้นท์ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถดึงคนได้ดีโดยที่เซ็นทรัลพลาซาเวสต์เกตมีการจัดอีเว้นท์เฉลี่ยเดือนละ 100 ครั้ง หรือรวมทั้งปี 400 กว่าครั้ง มากกว่าศูนย์อื่นๆที่ทำราว 300 ครั้ง
อย่างในช่วงปิดเทอมนี้ก็ได้เตรียมงบการตลาดไว้ 120 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด พร้อมกับ ซิกเนเจอร์อีเว้นท์ในช่วง อิเกีย บางใหญ่เปิดตัวมาร่วมด้วยคือ งาน Ninja Maze…The Big Adventure Presented by EST COLA
เตรียมปัก 4 มุมเมืองของกรุงเทพ
จากความสำเร็จของ “เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต” ทำให้ซีพีเอ็น ยกให้เป็นโรโมเดล โดยวางแผนที่จะขยาย “ซูเปอร์รีจินัลมอลล์” ให้ออกไปยัง 4 มุมเมืองของกรุงเทพ
โดยมองทำไปที่ไปจะต้องครอบคลุมประชากรไม่น้อยกว่า 10 ล้านคน คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท ในพื้นที่โครงการขนาด 500,000 ตารางเมตร
แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ว่า “ซูเปอร์รีจินัลมอลล์” แห่งถัดไปจะเกิดขึ้นที่ไหน เพราะยังอยู่ในระหว่างการวางแผน รวมถึงประเมินความเป็นไปได้
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ