ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เค.อี. ผู้บริหารกอง REIT “BKER” ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันบริหารศูนย์การค้าทั้ง 11 โครงการ ได้แก่ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (ซีดีซี), เดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา, เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์, อมอรินี รามอินทรา, แอมพาร์ค (จุฬา), เพลินนารี มอลล์ วัชรพล, สัมมากร รามคำแหง รังสิต ราชพฤกษ์, เดอะซีน และ เดอะคริสตัล พีทีที ชัยพฤกษ์ เตรียมรุกแผนกลยุทธ์เชื่อมต่อคอมมูนิตี้ มอลล์ ให้เข้ากับ New Norm Lifestyle โดยมองว่า ขณะนี้ภาพรวมศูนย์การค้าทุกแห่งเน้นการทำสถานที่ให้สะอาด มี Social Distancing และให้ลูกค้ามั่นใจในการมาใช้บริการ

สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาคือ ความน่าชื่นชมที่ภาครัฐสามารถควบคุมการสาธารณสุข ให้การแพร่ระบาดลดน้อยลงอย่างมาก การที่ประชาชนมีความใส่ใจในการดูแลตัวเองและผู้อื่น อย่างไรก็ตาม ในด้านการออกมาตรการปลดล็อกแบบค่อยเป็นค่อยไปของภาครัฐนั้น อาจส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและจุดคุ้มทุนในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ในส่วนของศูนย์การค้า การจำกัดจำนวนคนในการเข้าใช้บริการร้านอาหาร แม้ว่าลูกค้าที่มาใช้บริการเดินทางมาด้วยกัน หรือการลดประเภทบริการในหลายธุรกิจ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้ อาทิ ฟิตเนส คลินิกเสริมความงาม สปา เป็นต้น จึงอยากขอให้ทางภาครัฐเร่งพิจารณาให้เปิดดำเนินธุรกิจได้เป็นปกติ โดยให้ทางผู้ประกอบการและลูกค้าให้ความสำคัญในการดูแลความปลอดภัย ความสะอาดอย่างจริงจังตามมาตรฐานสากล

ปัจจุบันเรามองการเติบโตในอนาคต 5 ปีข้างหน้า โดยมีแผนว่าจะเป็นการเติบโตแบบ Organic Net Operating Income Growth ที่ 4-5% ต่อปี และการเติบโตแบบ Inorganic total asset value growth ที่ 15-20% ต่อปี เราเปิดกว้างการเติบโต โดยมองว่า คอมมูนิตี้มอลล์ยังคงเติบโตได้ดี แม้ปีนี้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ซึ่งคอมมูนิตี้มอลล์ตอบโจทย์ได้ดีกับลูกค้า ทำให้เรามองถึงการเชื่อมต่อกับนิวนอร์มได้อย่างชัดเจน แนวคิดการขยายธุรกิจที่เน้นแบบ Inorganic growth ได้แก่ 1) การลงทุนในโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งในหรือต่างประเทศ โดยเราสามารถเข้าลงทุนได้ภายใน 3-6 เดือนนับจากการเข้าศึกษาข้อมูล  2) การลงทุนกับเจ้าของที่ดิน หรือพันธมิตรธุรกิจ ในการพัฒนาที่ดิน ก่อสร้าง และบริหารงาน  3) การเข้าไปบริหารงาน ลักษณะเป็น Retail and property management เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้ากองรีท  4) การลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้าที่ต้องการเราเป็น Strategic partner หรือ Financial partner โดยให้ความสนใจในโมเดลธุรกิจหลายประเภท อาทิ ร้านอาหาร ร้านค้าที่มีการทำธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ต่าง ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ เราได้เตรียมแพลตฟอร์มในการสร้างและสานต่อธุรกิจประเภทตลาดอีเวนต์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจในอนาคต โดยสามารถส่งข้อมูลให้ศึกษาได้ที่ email: bd@kegroup.co.th หรือ Line ID: @ke.bd

กลุ่มบริษัท เค.อี. ได้เตรียมแผนงานในอนาคต โดยเน้น 2 เรื่องหลักคือ ทิศทางการสร้างรายได้จากการเติบโตของธุรกิจด้านรีเทล เรื่องที่สองการนำ Tech platform ที่เข้ามาใช้ในส่วนสำคัญ มุ่งเน้นเรื่อง Data Management, Revenue Management, Cost Management and Operation Management ที่เรามุ่งมั่นให้เป็นหัวใจในการเพิ่มประสิทธิภาพ และการวิเคราะห์ธุรกิจที่มีความสำคัญในอันดับต้น โดยมีแผนร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ในการสร้าง Retail Platform ให้เกิดผลลัพธ์ที่ครบทุกมุมให้ได้ภายในไตรมาสที่สามของปีนี้


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer