Kamala Harris จากนักกฎหมายหัวก้าวหน้า สู่ว่าที่รอง ปธน. หญิงคนแรกของสหรัฐฯ
ท่ามกลางเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปี 2020 โดยมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งครองพื้นที่สื่อส่วนใหญ่ แต่ทิศทางข่าวส่วนใหญ่นับจากนี้คงจะให้ความสนใจการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงพฤศจิกายนมากขึ้น ล่าสุด Kamala Harrisผู้สมัครชิงรองประธานาธิบดีสังกัดพรรค Democrat ขึ้นมาโดดเด่นเหนือคนในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ ทั้งหมด
เพราะหากชนะการเลือกตั้ง เธอจะเป็นรองประธานาธิบดีหญิงผิวสีเชื้อสายเอเชียคนแรกของสหรัฐฯ และอาจสร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกอีกด้วย
Kamala Harrisเกิดเมื่อ 20 ตุลาคม 1964 ในครอบครัวหลากวัฒนธรรมที่เมืองโอ้กแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นลูกสาวคนโตของ Donald Harris ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ชาวจาไมกา และ Shyamala Gopalan นักวิจัยด้านมะเร็งฝีมือดีชาวอินเดีย
จากสีผิว การร่วมเคลื่อนไหวด้านสิทธิคนผิวสีของพ่อกับแม่ และประสบการณ์การถูกเหยียดผิว ทำให้Kamala Harrisสัมผัสได้ถึงความไม่เท่าเทียมมาตั้งแต่เด็กและยังจุดประกายให้เธออยากเป็นปากเป็นเสียงแทนชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการเลือกปฏิบัติอีกด้วย
ขณะที่อายุเพียง 7 ขวบ Kamala Harris กับ Maya Harris น้องสาวที่อายุอ่อนกว่า 3 ปี ต้องกลายเป็นลูกสาวในครอบครัวคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หลังพ่อแม่แยกทางกัน แต่ก็เป็นโอกาสให้ Kamala Harrisได้ไปชีวิตที่ต่างประเทศ โดยKamala Harrisและน้องสาวย้ายไปใช้ชีวิตและเรียนอยู่แคนาดา 5 ปี ตามแม่ที่ไปเป็นอาจารย์ที่นั่น
Kamala Harrisที่จบมัธยมปลายจากแคนาดา เลือกศึกษาต่อปริญญาตรีแบบเอกคู่ (Double Major) ทั้งคณะรัฐศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ ในมหาวิทยาลัย Howard สถาบันการศึกษาชั้นนำของคนอเมริกันผิวสี โดยเริ่มเข้ามาสัมผัสแวดวงการเมืองผ่านการเป็นสมาชิกโต้ทีมวาทีของวุฒิสมาชิกพรรค Democrat ในประเด็นการเหยียดผิวช่วงยุค 80 จากนั้นก็ผันตัวเองมาเป็นนักกฎหมาย เริ่มจากการเป็นรองอัยการเขต Alameda รัฐแคลิฟอร์เนียในปี 1990
ถัดจากนั้น Kamala Harrisก็มีความก้าวหน้างานด้านกฎหมายตามลำดับ จนได้ขึ้นเป็นอัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2010 ซึ่งทำให้เธอเป็นสตรีผิวดำในตำแหน่งนี้คนแรกด้วย
ระหว่างดำรงตำแหน่ง Kamala Harris ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนหัวก้าวหน้า ด้วยการผลักดันกฎหมายการแต่งงานของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และสนับสนุนให้ยกเลิกโทษประหารชีวิต
ส่วนชีวิตทางการเมืองของKamala Harrisเริ่มขึ้นอย่างจริงจังหลังเธอชนะการเลือกตั้งได้เป็นวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2016 แต่มาโดดเด่นจากการขอร่วมวงชิงชัยเป็นตัวแทนพรรค Democrat ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้
แม้ต้องแพ้ให้กับ Joe Biden แต่Kamala Harrisก็ยังถูกจับตามอง เพราะเคยปะทะคารมกับ Joe Biden เป็นการเมืองดาวรุ่งขวัญใจผู้หญิง คนผิวสี และชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย รวมถึงเกือบได้เป็นอัยการสูงสูดของสหรัฐฯ ในสมัยอดีตประธานาธิบดี Barack Obama มาแล้ว
ขณะเดียวกันKamala Harrisก็เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่ Joe Biden จะเลือกมาเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี ร่วมกับนักการเมืองหญิงอีกหลายคน ซึ่งในกลุ่มนี้มี Ladda Tammy Duckworth วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ ลูกครึ่งไทย รวมอยู่ด้วย
ที่สุด Joe Biden ก็เลือกKamala Harrisเป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดี ท่ามกลางการวิเคราะห์ว่าเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องและมองการณ์ไกล เพราะนอกจากจะช่วยให้คว้าคะแนนจากทั้งผู้หญิง คนผิวสี คนเชื้อสายเอเชียแล้ว Kamala Harrisยังสามารถเป็นแม่ทัพด้านกฎหมายของพรรค Democrat สู้กับประธานาธิบดี Donald Trump สังกัดพรรค Republican ได้อีกด้วย
จากนี้ต้องจับตาดูอนาคตทางการเมืองของKamala Harris โดยถ้าเธอชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นรองประธานาธิบดีในรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดต่อไปที่มี Joe Biden เป็นประธานาธิบดี อีกไม่กี่ปีข้างหน้า Kamala Harrisอาจได้ไปต่อ ขึ้นสู่จุดสูงทางการเมืองของสหรัฐฯ และการเมืองโลก ในตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงสหรัฐฯ คนแรก เพราะปัจจุบันKamala Harrisมีอายุเพียง 55 ปี
ประกอบกับ Joe Biden เองก็วางตัวเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า และด้วยอายุเกือบ 80 ปี Joe Biden อาจเป็นประธานาธิบดีได้เพียงสมัยเดียว/cnn, bbc, theguardian, nbc, wikipedia
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



