จากดีเจ เสียงใส ใส “พี่ฉอด” สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ได้เข้ามาเป็นผู้บริหาร บมจ. แกรมมี่ ยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิงไทยมานานกว่า 30 ปี
“อากู๋” ไพบูลย์ “พี่เล็ก” บุษบา อาจจะเป็นคนร่วมก่อตั้งอาณาจักรของแกรมมี่ แต่พี่ฉอด คือผู้ที่เข้ามาขับเคลื่อนองค์กรตั้งแต่ยุคแรก ๆ
เป็นทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง คนสำคัญ ทั้ง การจัดคอนเสิร์ต รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ รวมไปถึงการเป็นผู้จัดละครอีกด้วย
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา เธอประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ บมจ. แกรมมี่ เพื่อไปบริหารงานในบริษัท CHANGE2561 บริษัทในเครือของแกรมมี่ ที่เธอนั่งเป็นประธานบริหาร อย่างเต็มตัว
กลายเป็นข่าวใหญ่ท่ามกลางข่าววิกฤตโควิด ตามสื่อต่าง ๆ ทันที
พี่ฉอดเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคาของแกรมมี่จากการชักชวนของ “อากู๋” ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2532
แต่เธอรู้จักอากู๋มานานกว่านั้น เพราะเขาคือรุ่นพี่ที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และช่วงหนึ่งเคยร่วมงานกันที่ บริษัท พรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
ในช่วงเวลานั้นแกรมมี่มีแผนจะขยายสู่ธุรกิจวิทยุ จึงได้จัดตั้งบริษัทเพื่อผลิตรายการวิทยุในชื่อ บริษัท เอ-ไทม์ มีเดีย จำกัด ภายใต้ 2 คลื่นความถี่แรกคือ กรีนเวฟ และ ฮอตเวฟ
ส่วนพี่ฉอด ตอนนั้นเป็นดีเจอยู่ที่รายการ “ผิวปากตามเพลง” และ “ร่มไม้รายทาง”
หลังจากนั้นเธอก็ได้เข้าไปเป็นผู้บริหารคลื่นวิทยุทั้งหมดของ เอ-ไทม์ และสร้างโมเดลการทำธุรกิจคลื่นวิทยุในรูปแบบใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละคลื่นถูกวางคาแรกเตอร์ชัดเจน และเน้นจับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
เธอยังกล้าสวนกระแส ด้วยการจัดรายการวิทยุที่ไม่มีเพลง ผ่านรายการ Club Friday คู่กับ ดีเจ พี่อ้อย รายการที่เปิดโอกาสให้คนทางบ้านโทรมาเล่าและปรึกษาเรื่องราวของความรัก
ชื่อของพี่อ้อย พี่ฉอด ดังมาก ๆ เป็น “ศิราณีออนไลน์” มาตั้งแต่ยุคนั้น
15 ปี รายการนี้ก็ยังอยู่และถูกต่อยอดออกมาเป็น Pocket Book อัลบั้มเพลง คอนเสิร์ต และ รายการ CLUB FRIDAY THE SERIES
จนกระทั่งเมื่อแกรมมี่ลงทุนทำช่องทีวีดิจิทัล 2 ช่อง ในปี 2557 พี่ฉอดได้เข้าไปเป็นผู้บริหารช่อง GMM 25 ที่มีสงครามการแข่งขันรุนแรงมาก ความโดดเด่นของช่องนี้ คือการทำละครสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่เนื้อหาค่อนข้างตรง แรง และแซ่บ เช่น คลับ ฟรายเดย์ ป่ากามเทพ สงครามแย่งผู้ หลงไฟ ทำให้ได้กระแสแรง แต่ยังสวนทางกับเรตติ้ง ที่เป็นหัวใจสำคัญของคนทำทีวี ในขณะที่รายการอื่น ๆ ก็ยังไม่แรงพอที่จะให้คนดูกดเลข 25 เรตติ้งของช่องเลยยังห่างไกลกับการติดทอปเท็น งานนี้เลยดูเหมือนพี่ฉอด “สอบตก”
และเป็นสาเหตุสำคัญที่มีคำสั่งปลดพี่ฉอดออกจากผู้บริหารช่อง เป็นข่าวที่กระเทือนย่านอโศกในช่วงนั้นเช่นกัน
หมดบทบาทจากผู้บริหารช่อง เธอแยกตัวไปบริหารบริษัท CHANGE2561 ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่รับจ้างผลิตคอนเทนต์ละครให้ทุกช่อง ทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง DIGITAL TV ONLINE และ ON GROUND ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เป็นการทำละครที่ made to order ตามความต้องการของแต่ละช่อง ที่มีกลุ่มเป้าหมายต่างกัน
ในปี 2562 ที่ผ่านมาละครของ CHANGE2561 ดังปัง ๆ ในหลาย ๆ เรื่อง เช่น “เมียน้อย” ทางช่อง GMM25 “สามีสีทอง” ที่ดันเรตติ้งไพรม์ไทม์ให้อมรินทร์ ช่อง 34 ส่วน “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” ทางช่อง ONE 31 ที่เนื้อหาเข้มข้น ส่งผลให้ “ใบเฟิร์น” พิมพ์ชนก ที่มารับบทกะเทย คว้ารางวัลนาฏราช นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี
ชื่อของ CHANGE2561 เริ่มเป็นที่สนใจของช่องต่าง ๆ ที่หวังจะเอาละครสร้างเรตติ้ง สร้างชื่อให้กับช่องแทนผู้จัดรายเก่า ๆ
ปีนี้ พี่ฉอดยังมีแผนทำละครให้กับช่อง 3 อีกด้วย ช่อง 3 ที่มีฐานคนดู มีชื่อชั้นของช่องทีวีในอันดับต้น ๆ ละครของเธอจึงเป็นความท้าทายที่ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าถูกวางแผนไว้อย่างไร
การไม่ต้องแบกภาระ ผู้บริหารช่องทีวี ทำให้เธอมีเวลามากขึ้นในเรื่องการผลิตละคร รวมทั้งวางแผนในธุรกิจอื่น ๆ ของ CHANGE2561 เช่น โชว์บิซ, กิจกรรมออนกราวด์ และออนไลน์คอนเทนต์
การลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ของ บมจ. แกรมมี่ ทำให้เธอบริหารบริษัทที่เป็นหัวใจสำคัญได้เต็มที่ แต่เป็นยุคที่การแข่งขันในเรื่องคอนเทนต์รุนแรงมาก ในขณะเดียวกันยังเป็นปีที่ต้องเจอกับวิกฤตโควิดรอบ 2 อีกด้วย
CHANGE2561 ภายใต้การบริหารของหญิงแกร่งวัย 63 ปี รูปร่างเล็ก ๆ และมีทรงผมหยิกยาวที่เป็นเอกลักษณ์คนนี้ จึงน่าจับตาอย่างมากว่า เธอจะรักษาดวงใจที่เหลือไว้ได้หรือไม่
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



