ย้อนกลับไปในปี 2014 OnePlus เปิดตัวสมาร์ทโฟนราคาระดับ 10,000 บาท แต่ให้สเปก ความแรง และฟีเจอร์ ที่ดีไม่แพ้ระดับมือถือ Flagship จนได้รับฉายาว่า “Flagship Killer” หรือ แบรนด์ที่เกิดมาเพื่อล้มยักษ์ใหญ่

หลังจากนั้น OnePlus ก็พัฒนาสมาร์ทโฟน เทคโนโลยี และสร้างชุมชนผู้ใช้ OnePlus ที่เหนียวแน่นเรื่อยมา จนในปี 2019 พวกเขาได้สร้างบรรทัดฐานใหม่อีกขั้น ด้วยมือถือรุ่น OnePlus 7 Pro ที่สเปกเหนือคู่แข่งทั้งหมดในตอนนั้น และได้ฉายาใหม่ว่า “Super Flagship”

ในตอนนั้นเอง OnePlus กลายเป็นแบรนด์ที่คนรู้จักในวงกว้าง และได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนที่คลั่งไคล้เทคโนโลยี สโลแกน “Never Settle” ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นของจริง

แต่จากการเดินทางที่ยาวนาน OnePlus เองก็มีคำถามเล็ก ๆ ในใจที่พวกเขาอยากตอบให้ได้ว่า “อะไรคือสิ่งที่คนทั่วไปอยากได้ในมือถือหนึ่งเครื่องกันแน่?”

คำถามธรรมดา ที่กลายเป็นเข็มทิศที่นำทางไปสู่ความต้องการของคน

Oliver Zhang หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ OnePlus กล่าวว่า

“ที่ OnePlus เราออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากความต้องการของลูกค้าเสมอ คนมักจะมองว่า OnePlus เป็นมือถือสำหรับคนที่คลั่งไคล้เทคโนโลยีเท่านั้น แต่อันที่จริงมันตรงกันข้ามเลย เพราะแบรนด์ OnePlus เกิดขึ้นจากความตั้งใจที่อยากให้ทุกคนบนโลกได้รับประสบการณ์อันยอดเยี่ยมจากสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพ ตั้งแต่สายเทคโนโลยีที่อยากได้มือถือสเปกระดับเทพ จนไปถึงคนทั่วไปที่ไม่ได้ต้องการอะไรซับซ้อน “ขอแค่มือถือดี ๆ สักเครื่องก็พอ”

คนทั่วไปนี้แหละที่ OnePlus ระลึกอยู่เสมอว่าพวกเขาต้องการอะไร จนเป็นที่มาของการออกแบบ OnePlus Nord ในปี 2020 และ OnePlus Nord CE 5G ในปี 2021”


ที่มาของคำว่า Nord

คำว่า “Nord” (หนอด) มาจากภาษาฝรั่งเศส ที่แปลว่าทิศเหนือ และยังหมายถึง True North หรือทิศที่เข็มทิศจะชี้ไป ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ตาม

OnePlus Nord จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอกย้ำว่าไม่ว่าผู้ใช้งานจะต้องการอะไร OnePlus Nord จะชี้และนำทางคุณไปสู่เป้านั้นให้จงได้

“เราต้องเอาใจผู้ใช้งานมาใส่ใจเรา ผู้ใช้งานที่ไม่ได้อยากได้มือถือที่แพงที่สุดในท้องตลาด แต่เป็นมือถือที่คุ้มค่าสำหรับพวกเขาจริง ๆ” ด้วยวิธีคิดนี้ OnePlus Nord จึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปี 2020

ต่อยอดความสำเร็จ สู่ One Plus Nord CE 5G ในปี 2021

Oliver Zhang กล่าวถึงปรัชญาในการออกแบบว่า “CE ย่อมาจาก Core Edition ซึ่งคำว่า ‘Core’ สำหรับ OnePlus คือ แก่นที่สำคัญ ถ้าไปดูมือถือระดับกลางของยี่ห้ออื่น พวกเขามักจะโฆษณาโอเวอร์มาก ๆ เพื่อทำให้มือถือระดับกลางดูแพงขึ้นมาได้ แต่ OnePlus ไม่ทำแบบนั้น ไม่ใช่เพราะมันเกินศักยภาพของเรา แต่เราต้องถามตัวเราเองก่อนว่า “กล้อง 108 ล้านพิกเซล มันจำเป็นรึเปล่า ในการถ่ายภาพชีวิตประจำวัน มันจำเป็นรึเปล่าในการถ่ายภาพอาหาร แล้วส่งให้ครอบครัวดู”

เพราะฉะนั้นฟีเจอร์ที่ OnePlus ใส่ไว้ในมือถือรุ่น Nord CE คือสิ่งที่เราคัดสรรแล้ว ว่ามันจะพัฒนาชีวิตและประสบการณ์ของผู้ใช้งานได้ ซึ่งก็คือ 1. ชาร์จเร็ว 2. จอ AMOLED 90Hz 3. รองรับ 5G

‘Blue Void’ สีใหม่ของ OnePlus Nord CE 5G

ทุกคนที่ OnePlus ภูมิใจกับสี Blue Void นี้มาก เพราะมันไม่ใช่แค่สี แต่มันคือองค์ประกอบ 3 ด้าน 1. Color 2. Material 3. Finish ซึ่งในด้านวัสดุเราใช้ AG Matte ที่สามารถป้องกันรอยนิ้วมือได้หมดจด

เราเคยเปิดตัววัสดุนี้ในมือถือรุ่น OnePlus 8 Glacier Green Edition ปี 2020 แต่ ณ ตอนนั้น วัสดุนี้ราคาสูงมาก เราจึงใช้ได้แค่ในรุ่น Flagship เท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการผลิตที่ก้าวหน้าขึ้น OnePlus จึงสามารถนำประสบการณ์การออกแบบที่ยอดเยี่ยมนี้ส่งต่อให้ทุกคนได้สัมผัส

OnePlus Nord CE 5G เหมาะกับใคร?

ด้วยราคาที่ไม่สูงมาก คนทั่วไปจะเข้าถึงมือถือเครื่องนี้ได้

  • คนที่อยากได้แบตเตอรี่ที่อยู่ได้ข้ามวัน และชาร์จเร็วในเวลาไม่กี่นาที
  • คนที่อยากได้ใช้ 5G เพื่อใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลได้ดียิ่งขึ้น
  • คนที่ต้องการจอคุณภาพสูง เพื่อความราบรื่นในการใช้งาน และความบันเทิงในการเล่นเกมหรือดูวิดีโอ

ถ้า Core ในชีวิตของคุณมีประมาณนี้
OnePlus Nord CE 5G จะกลายเป็นมือถือที่ยอดเยี่ยมในทุก ๆ วันของคุณ”

 

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online