ปี 2519 นิตยสาร “บ้านและสวน” ฉบับแรกจากกองบรรณาธิการเล็กๆได้ออกวางตลาด
วันนี้ อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) มีพนักงานทั้งหมดประมาณ 2,500 คน เป็นการเติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและคาดเดาได้ยากของโลกดิจิทัล
แต่ดูเหมือนว่า ระริน อุทกะพันธุ์ ปัญจรุ่งโรจน์ หรือ “คุณแพร” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) กำลังสนุกอย่างมากๆ กับความท้าทายครั้งใหญ่ที่เข้ามา
อมรินทร์พริ้นติ้ง คือกลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย เลยเป็นที่จับตามองว่าในยุคที่ดิจิทัลกำลังมาแรง ต้องปรับตัวกันเพื่อความอยู่รอดอย่างไรบ้าง

ต้องบอกว่าตลอดระยะเวลา 41 ปีที่ผ่านมาไม่มียุคไหนที่อมรินทร์ไม่ปรับตัวเลยค่ะ เพราะถ้านิ่งอยู่กับที่คงมาไม่ถึงวันนี้ ในช่วง10ปีแรกเริ่มต้นจากแมกกาซีนเพียง 2-3 หัว 10ปีต่อมาขยายมาทำหนังสือเล่ม ขยายธุรกิจงานพิมพ์ออกไปรับจ้างผลิตข้างนอก หลังจากนั้นก็เริ่มทำจัดจำหน่ายและทำรีเทลผ่านร้านนายอินทร์
เมื่อ 15 ปีก่อนพอกระแสอินเทอร์เน็ตมาแรงขึ้นเราก็เริ่มตั้งรับด้วยการจัดงานบ้านและสวนแฟร์ พอหลังจากนั้นเพียง 1-2 ปีก็เริ่มกระจายความเสี่ยงไปทำเวปไซต์
วันนี้แพรได้วางกลยุทธ์ “ออมนิ มีเดีย” (Omni Media) ด้วยการขยายธุรกิจไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จะประกอบไปด้วย
On Print : ที่มีนิตยสารในเครือ และหนังสือเล่ม
On Ground : การจัดอีเวนท์และงานแฟร์
Online : ซึ่งตอนนี้เรียกได้ว่าอมรินทร์ เป็นที่ 1 ในเรื่องของออนไลน์ไลฟ์สไตล์ของทุกสื่อในมือที่มีตัวเลขไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน Reach ต่อเดือน
On Air : ที่สำคัญวันนี้เรามีทีวีดิจิทัลช่องอมรินทร์ทีวี 34 ที่ต้องบอกว่า 3 ปีมานี่ เหนื่อยมากเราเป็นน้องใหม่ และเจอปัญหาที่เราไม่ได้คาดคิดหลายอย่างหลักๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับกสทช.อย่างที่รู้ๆกันและเรื่องเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เลยเป็นที่มาของการเพิ่มทุน และได้พันธมิตรคนใหม่คือทางกลุ่มสิริวัฒนภักดี ในแง่ของออนแอร์เป็นจิ๊กซอร์ตัวหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าทีวีอย่างไรก็ยังเป็นมีเดียหลัก ที่เหมือนกันทั่วโลก ออนไลน์มา ทีวีก็ไม่มีทางหายไปไหน อย่างไรคนก็ดู แต่แน่นอนในบริบทที่เปลี่ยนไป การทำธุรกิจทีวีก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย ตอนนี้เราขึ้นมาเป็นอันดับที่ 7 ถือว่าเป็นน้องใหม่ ก็เป็นอีกออนหนึ่งที่จะต่อยอดในแง่การเป็นออมนิมีเดีย
สุดท้ายคือ On Point of Sale : หมายถึงจุดขาย ซึ่งในอนาคตข้างหน้าจะต่อยอดไปสู่การเป็นมีเดียคอมเมิร์ซ ทั้งหมดเป็นการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้รู้ เห็น ประทับใจและจบด้วยการขาย ทั้งหมดก็จะเป็นออมนิมีเดีย ออมนิชาแนล เชื่อมโยงกันได้ในทุกช่องทางสื่อเพื่อสร้างพลังและตอบโจทย์ของลูกค้า ซึ่งวันนี้มีน้อยมากที่ลูกค้าจะใช้เพียงสื่อๆเดียว และทั้งหมดนี้คือภาพรวมในกลยุทธ์ของอัมรินทร์ที่เราจะก้าวเดินต่อไปค่ะ
ในแง่ของสิ่งพิมพ์ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิม เป็นหัวใจ และเป็นเสมือนตัวตนของอมรินทร์ เราจะรับมืออย่างไรกับปัญหาที่มีคนอ่านหนังสือน้อยลง
งานพริ้นท์เรามีอยู่ 3 ส่วนคือโรงพิมพ์ หนังสือเล่ม และแมกกาซีน ต้องบอกว่าตัวที่กระทบมากคือแมกกาซีน สิ่งที่ทำได้คือต้องปรับตัว ถ้าเราคิดทำแมกกาซีนในรูปแบบเดิมๆแล้วคอนเทนท์บางอย่างไปชนกับที่มีอยู่ในออนไลน์ก็ตาย คีย์สำคัญอยู่ตรงที่ต้องหาให้เจอว่าคนต้องการอ่านอะไร ซึ่งในแต่ละหัวก็ไม่เหมือนกัน แยกกันให้ชัดเจนว่าออนไลน์คนต้องการอะไร สิ่งพิมพ์คนต้องการอะไร ทำไมคนยังต้องซื้อ
ทีมงานออนไลน์กับแมกกาซีนต้องแยกกัน ใน2-3ปีนี้เราพบว่าให้คนสิ่งพิมพ์ทำออนไลน์ด้วยเป็นเรื่องยาก เพราะวิธีคิดไม่เหมือนกัน วิธีเสพสื่อของคนอ่านต่างกัน ดังนั้นวิธีของคนเขียนก็ต่างกันด้วย ต้องยอมรับว่าช่วงนี้เป็นช่วงชาเล้นท์สุดๆ และแพรคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เจอเหมือนๆกันในทุกองค์กรสื่อ
ตอนนี้เราเหลือแมกกาซีนกี่หัวคะ
ประมาณ 10 หัวค่ะ ปีนี้ Health &Cuisine เราเอามาทำเป็นออนไลน์ ไม่ได้ทำเป็นตัวเล่มแล้ว ที่จริงแพรไม่อยากใช่คำว่าปิด เพราะเราอาจจะไม่ทำแบบรายเดือนเหมือนเดิม แต่วางแผนไว้แล้วว่าจะทำเป็นฉบับพิเศษตามวาระ ต้องยอมรับว่าการเสพคุกกิ้งโดยภาพเคลื่อนไหวบนออนไลน์น่าดูและเข้าใจง่ายมากกว่าการอ่านมาก ดังนั้นเมื่อไม่ใช่ก็ไม่จำเป็นต้องฝืน ส่วนหนังสือเกี่ยวกับบ้านคนยังชอบเปิดหนังสือดูไปเรื่อยๆดูชิลๆ ดังนั้นหนังสือกลุ่มบ้านจะมีผลกระทบเรื่องยอดขายน้อยมาก ส่วนเล่มอื่นๆที่เหลืออยู่ ก็พยายามปรับเนื้อหาข้างในตลอดเวลา
ยอมรับว่านิตยสารแพรวก็มีผลกระทบเรื่องโฆษณา แต่แพรวก็ยังเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด อย่างไรคนยังใช้เงินก็ต้องมาลงกับแพรว
แล้วหนังสือเล่มเป็นอย่างไรบ้าง ต้องลดลงบ้างหรือเปล่า ยังพิมพ์ประมาณกี่หัวต่อปี
หนังสือเล่มไม่ลดค่ะ เป็นสิ่งพิมพ์ ที่ยังเติบโตอยู่ เรายังพิมพ์ประมาณ 500 หัวเรื่องต่อปี หนังสือเล่มต่างกับแมกกาซีนตรงที่ว่าไม่มีให้อ่านบนออนไลน์ ที่กระทบมากคือหนังสือที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่บังเอิญเราไม่ได้ทำ เพราะคนไม่ต้องหาหนังสืออ่านไปหาเสิรช์เอาในออนไลน์ได้ง่ายกว่าเร็วกว่า
แต่ถ้าทุกคนยังอยากรู้วิธีการบริหารจัดการเรื่องการตลาด เรื่องใช้ชีวิต ก็ยังต้องซื้อหนังสืออ่าน นิยายคนก็ยังอ่านนะคะ แม้จะมีนิยายในอินเตอร์เน็ตก็กลายเป็นช่วยส่งเสริมกันเพราะพอคนอ่านเพิ่มขึ้นก็เอามาพิมพ์เป็นเล่มได้มากขึ้นเช่นกัน
หมวดคุ้กกิ้งมีลดแน่แต่ไม่ได้หายไปเลย เพราะสูตร และวิธีทำต่างๆที่อยู่ในหนังสือ อร่อยจริงเชื่อถือได้มากกว่าบางสูตรที่ลงในอินเตอร์เน็ตแน่นอน แต่ในปีนี้หนังสือเล่มอาจจะลดจำนวนหัวลงบ้าง แต่จะไปให้ความสำคัญในเรื่องผลักดันยอดขายต่อเล่มให้เพิ่มขึ้นมากกว่า
ร้านนายอินทร์จะมีการปรับลดหรือเปลี่ยนรูปแบบอย่างไรบ้าง
อาจจะปรับลดบ้างในบางสาขาที่เราไม่เห็นโอกาสในการเติบโต และที่สำคัญคือเราขยายไปในทางออนไลน์ คือนายอินทร์ดอทคอมที่มีแฟนเพจเกือบ 5 แสนคน แล้วมีการเชื่อมโยงกับการบริการให้ลูกค้าเช่นหนังสือในร้านลูกค้าหาไม่เจอก็สั่งซื้อหน้าร้านได้เลยว่าจะมารับที่ร้านหรือไปส่งที่บ้านได้หมด ไม่มีการตอบว่าไม่มีหรือหมด นอกจากบางเล่มที่หมดไปแล้วจริงๆ ไม่พิมพ์ซ้ำ หรือเวลารีวิวหนังสือใหม่ในเวปไซต์ โอกาสในการเห็นของคนก็มากขึ้น แล้วสามารถสั่งซื้อได้ทันที เป็นช่องทางที่ดีในการกระตุ้นให้คนที่ต้องการซื้อ ซื้อทันทีในเวลานั้นเลย
แล้ววันนี้เรายังมีไลน์การผลิตของโรงพิมพ์ที่สามารถพิมพ์เท่าที่ลูกค้าต้องการจริง สามารถผลิตหนังสือเฉพาะกิจจำนวนน้อยๆในราคาต้นทุนการผลิตที่ถูกลงด้วย
ดังนั้นร้านนายอินทร์คีย์หลักๆตอนนี้จะเป็นการเชื่อมโยงประสบการณ์ของลูกค้าทั้งบนออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้เราเห็นความต้องการจริงของลูกค้าและสามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ยูนิตเล็กๆ
ถ้าถามว่าคนเข้าร้านน้อยลงหรือเปล่า ใช่ค่ะ แต่เป็นเพราะคนเข้าห้างน้อยลงด้วยซึ่งก็มีผลมาจากภาวะเศรษฐกิจ การมีช่องทางการขายบนออนไลน์เลยเป็นช่องทางที่ดี แต่จะมีออนไลน์อย่างเดียวก็ไม่ได้ ยอดขายหลักก็ยังมาจากร้านหนังสือ ที่สำคัญอมรินทร์ก็ยังต้องการสนับสนุนผู้ร่วมอาชีพ ทั้งผู้จัดจำหน่าย ร้านหนังสือ สำนักพิมพ์ต่างๆ ให้คงอยู่ โดยแสวงหาความร่วมมือและทำให้ตลาดการอ่านเติบโตต่อไปดีกว่า

ในยุคดิจิทัลใครๆก็ห่วงเรื่องสิ่งพิมพ์ แต่ดูเหมือนคุณแพรไม่กังวลเท่าไหร่ เพราะอะไรคะ
มันผ่านช่วงนั้นมาแล้วค่ะ (หัวเราะ) อย่างแรกพอเจอปัญหาขอบอกว่าให้ “ทำใจ” ก่อนเลย คือเมื่อ 3-4 ปีก่อนหน้านี้ยอมรับว่ามีความกลัว กังวล เพราะสิ่งพิมพ์คือสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด เป็นความชำนาญที่สุด อยู่ๆมาวันหนึ่งดิจิทัลเข้ามา คนอ่านน้อยลง โฆษณาหันไปสนใจทางด้านออนไลน์เพิ่มขึ้น แล้วจะทำอย่างไรต่อ เราจะไปทางไหน แต่ถ้ามานั่งกลัวนั่งกังวลซึ่งตรงนี้ต่างหากที่เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวง เราต้องตัดความกลัวให้ได้ บอกกับตัวเองว่ากี่ครั้งแล้วที่ต้องเจอปัญหาจากการเปลี่ยนแปลง แล้วก็ปรับตัวมาได้ตลอด ถึงแม้ครั้งนี้จะหนักและเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ก็อย่ากลัว พอตัดความกลัวได้ทำให้เรากล้าที่จะเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นแล้วก็จะสนุกไปกับมัน
แพรต้องคุยกับทีมงานตลอดว่าเราเข้าใจความรู้สึกเขา แต่ถ้าคุณจะออกจากอมรินทร์ไปเพราะบริษัทขอให้คุณปรับวิธีการทำงาน ต้องการส่งเสริมคุณให้มี multi skill แล้วคุณรับไม่ได้ จะทำแต่สิ่งเดิมๆที่เคยทำ แล้วถ้าออกไปยังหางานที่ทำแต่แบบเดิมๆได้หรือเปล่า ถ้าคิดว่าไม่ได้จะออกไปทำไม เพราะบริษัทก็พร้อมที่จะไปต่อ พร้อมสนับสนุนคุณ คุณจะปรับตัวแล้วไปพร้อมกับเราไหม ก็ต้องขอขอบคุณทีมงานที่ลุยมาด้วยกัน
ในส่วนของทีวีดิจิทัลอมรินทร์ 34 หลังจากการเข้ามาของกลุ่มสิริวัฒนภักดี จะมีการเปลี่ยนแปลงการทำงานอย่างไรบ้าง
ณ จุดนี้นโยบายภาพรวมยังเป็นไปตามที่เราวางไว้ คือต้องบอกว่าพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาวันนี้หลักๆมาช่วยซัพพอร์ตให้เราแข็งแกร่งขึ้น มาเสริมศักยภาพ สิ่งที่จะเป็นรูปธรรมต่อจากนี้ก็คือในเรื่องโปรเจ็คที่จะทำร่วมกัน ซึ่งตอนนี้มีหลายโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการในหลากหลายรูปแบบ เพราะธุรกิจของกลุ่มคุณฐาปน (สิริวัฒนภักดี)มีเยอะมาก ก็ขึ้นอยู่กับตัวสินค้านั้นๆ คงทยอยออกมาให้เห็นได้เรื่อยๆ อาจจะไม่ใชเรื่องของการสนับสนุนให้เงินโฆษณาอย่างเดียว แต่เป็นการต่อยอดธุรกิจอะไรด้วยกันออกไปอีก
ก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่าเราขาดทุนในเรื่องของทีวีเยอะเพราะต้องใช้เงินจำนวนมากทั้งในเรื่องค่าสัมปทาน เรื่องการผลิตคอนเทนท์ และในสภาวะที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เรามองว่าการมีพาร์ทเนอร์ที่ดี จะเป็นประโยชน์กับบริษัทมากที่สุด
ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาในส่วนทีวีดิจิทัลรายได้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 144% ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะพอสามารถทำแรงกิ้งให้ขึ้นมาเป็นอันดับ 7 ได้ ก็กลายเป็นช่องที่อยู่ในสายตาลูกค้ามากขึ้น ที่สำคัญเราไม่ได้มีทีวีอย่างเดียวเรามีออนพริ้นท์ ออนกราวด์ ออนไลน์ ที่จะช่วยเติมเต็มในการตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้อย่างที่เขาต้องการด้วย
อะไรที่เป็นจุดสำคัญที่ทำให้เรตติ้งของอมรินทร์ทีวี ขึ้นมาเป็นอันดับ 7 ได้ ทั้งที่การแข่งขันของทีวีดิจิทัลมีสูงมาก
แพรคิดว่าเป็นความต่อเนื่องที่เราทำมาถูกทาง ในวันเริ่มต้นเราหาจุดแข็งของอมรินทร์ก่อน จุดแข็งของเราคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เราไม่มีละคร ไม่มีกีฬา ไม่มีดารา เรานำไลฟ์สไตล์มาแปลงเป็นคอนเทนท์ในทีวี ในช่วงไพร์มไทม์ก็มีคอนเทนท์ที่ต่างจากคนอื่น คือรายการทุบโต๊ะข่าว และได้คุณพุทธอภิวรรณมาดำเนินรายการ ทำให้คนดูรู้ว่าในช่วงเวลานี้ ถ้าต้องการดูรายการที่ไม่เหมือนใครก็มาเปิดช่อง 34 และคอยปรับรายการให้โดนใจคนดูมาโดยตลอดค่อยๆต่อย ค่อยๆแย็บ เลยยืนระยะมาได้
คุณแพรมองจุดแข็งของช่องเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์ แต่วันนี้ช่องเป็นที่รู้จักมากขึ้น กลับเป็นรายการข่าว
ใช่ค่ะ รายการข่าวเป็นช่วงที่ทำให้คนเข้ามารู้จักช่องมากขึ้น ทำเรตติ้งได้สูงสุดของช่องตัวเลขเมื่อเดือนกรกฏาคม ที่ผ่านมารายการทุบโต๊ะข่าวเรตติ้ง 1.783 รายการทุบโต๊ะข่าว เสาร์-อาทิตย์ เรตติ้ง 1.490 ก็เป็นไปตามแผนที่เราวางไว้ว่าช่วงไพร์มไทม์เราต้องต่างจากคนอื่น พอต่างแล้วยังมีความโดดเด่น ก็ยิ่งทำให้ช่องเป็นที่รู้จักเร็วขึ้น โจทย์จากนี้ไปเราต้องขยายกลุ่มคนดู เพื่อทำให้เรตติ้งเพิ่มขึ้นไปอีก แต่อย่างน้อยวันนี้เรามีฐานกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน
เรตติ้ง คือตัวที่ทำให้การบริหารช่องทีวีมีปัญหาหรือเปล่า
วันนี้แพรคิดว่าคนซื้อสื่อใช้เรตติ้งเป็นตัวประกอบจริง แต่ไม่ได้ใช้เรตติ้งเป็นตัวตัดสินใจอย่างเดียว ตอนนี้ลูกค้าเรามีทั้งที่เป็นเอเยนซี่ และไดเร็ค การวางแพลนงบประมาณจะต่างจากเดิม เราคุยกันเป็นแพคเกจ เพราะเรามีหลายแพลตฟอร์มเช่นทำแบบนี้นะลงในทีวีจะโดน ทำแบบนี้ตัดลงออนไลน์ ยอดไลค์แชร์เยอะแน่ และสามารถทำคอนเทนท์เรื่องเดียวกันลงสิ่งพิมพ์ได้ด้วยเพราะยังไงกลุ่มคนอ่านพริ้นท์ถึงจะน้อยลงแต่เหนียวแน่น คนจะซื้อของก็ได้เจอได้เห็นในหลายๆช่องทาง หลายๆรูปแบบการตัดสินใจซื้อเกิดขึ้นแน่นอน ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดต่างที่เป็นจุดแข็งของอมรินทร์
กลุ่มเป้าหมายหลักของช่อง 34 คือ แฟมิลี่ แล้วกลุ่มเป้าหมายใหม่จะเป็นใคร ในกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด
จากแฟมิลี่จะขยายไปสู่กลุ่มคนที่เป็นวัยทำงานมากขึ้นคือฐานของเรามาจากคนอ่านหนังสือที่เป็นคนที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไปส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งอีกโอกาสหนึ่งคือการขยายไปยังคนกลุ่มนี้แต่อยู่ในหัวเมืองต่างจังหวัดให้มากขึ้น
วันนี้คุณแพรสนุกอย่างไหนมากกว่ากันคะระหว่างทำงานออนไลน์กับทีวี
ที่จริงต้องบอกว่าคนที่ลงมารับผิดชอบทีวีหลักๆคือทางคุณโชคชัย ปัญจรุ่งโรจน์ (สามี)แพรมีหน้าที่เป็นผู้ดูแล้วให้ความคิดเห็นในคณะกรรมการ ส่วนออนไลน์แพรลงไปดูเต็มตัว คอนเทนท์ในเครือทุกอย่างที่ลงออนไลน์แพรต้องคอยติดตาม แต่ถ้าถามถึงความสนุก ก็สนุกกันคนละแบบ ทีวีก็มีเสน่ห์อย่างหนึ่งเวลาออนแอร์ไปแล้วมีอะไรผิดพลาดก็ต้องรอแก้ไขปรับปรุงเทปหน้า แต่ออนไลน์แก้ได้เร็ว ผิดแล้วลบทิ้งหรือเข้าไปแก้ได้ งานทีวีเลยต้องคิดอย่างละเอียด ต้องรอบคอบกว่าออนไลน์มาก

ต่อไปรายได้ระหว่างออนไลน์ กับออนแอร์ใครจะมาแรงกว่ากัน
ในระยะยาวออนแอร์น่าจะเป็นสัดส่วนที่เป็นรายได้หลักของกลุ่ม ออนไลน์วันหนึ่งตัวรายได้จะวิ่งไม่ทันทีวี เพราะออนไลน์มีคู่แข่งมากมาย และคู่แข่งขันที่สำคัญที่สุดคือ Youtube กับเฟซบุ๊ก ซึ่งเราไม่มีทางจะสู้อะไรเขาได้เลย ทีวีแม้จะใช้เงินลงทุนสูง แต่วันที่ไปได้ดีเป็นช่องหนึ่งที่ผู้บริโภคยอมรับรายจะเข้ามาดีกว่าออนไลน์แน่นอน
นอกจากต้องเรียนรู้ และอยู่กับความท้าทายใหม่ๆที่เข้ามาให้ได้ วันนี้ปัญหาหลักในการทำงานคือเรื่องอะไร
เรื่องคนค่ะ วันนี้มีหลายอย่างที่เราอยากทำมีภาพ มีแผนอยู่ในหัวแต่เดินต่อไม่ได้เพราะขาดคน ต้องใช้เวลาพัฒนาคน และในฐานะที่เราเป็นคนสร้างคอนเทนท์และเป็นมีเดีย สิ่งที่แพรต้องการเห็นคือ คอนเทนท์ของบ้านเราก้าวไกลไปสู่ตลาดโลก อย่างหนังสือวันนี้เราซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเยอะแยะมากมาย ส่วนที่ขายไปได้ก็มีแต่ก็ยังน้อยมากถ้าเทียบกับที่ซื้อมา
หรือรายการทีวี ในบางรายการเราขอแค่ตอบโจทย์สร้างเรตติ้งจากคนในประเทศ แต่บางรายการจะคิดไว้ตั้งแต่วันแรกว่าถ้ารายการแบบนี้สามารถไปต่างประเทศได้ ก็จะทุ่มทุนในการผลิตเพื่อให้ได้รายการที่มีคุณภาพมากที่สุด
แพรมองว่าคอนเทนท์ที่ดูเล็กๆ แต่ที่จริงคือสินค้าทางวัฒนธรรมที่สามารถต่อยอดไปยังการขายสินค้าอื่นๆของบ้านเราได้อย่างมหาศาล เพราะการที่เราซื้อสินค้าญี่ปุ่น สินค้าเกาหลี เพราะเรารับวัฒนธรรมต่างๆผ่านคอนเทนท์ ทั้งเพลง ภาพยนตร์ และนิยาย เป็นความฝัน เป็นความท้าทายที่ถ้าสามารถทำได้สำเร็จจะเป็นเรื่องที่ภาคภูมิใจอย่างมากๆ
ออนไลน์ ไปได้ดีมาก 6 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 90% รายได้จากออนไลน์ มาจากตัวไหนเป็นหลัก
แพรวกับบ้านและสวนเป็นหลักค่ะ 2 แบรนด์นี้ทำรายได้พอๆกัน ใน3 ปีมานี้ ตัวเลข stat เราคูณ 4 แต่ตัวเลขรายได้เราคูณ 8 เป็นการโตต่อเนื่อง แต่ออนไลน์เป็นอะไรที่เปลี่ยนเร็วมาก คิดเมื่อวานสำเร็จ วันนี้อาจจะต้องคิดใหม่อีกแล้ว เวลาเราทำหนังสือปัจจัยความสำเร็จจะมาจากตัวเราล้วนๆ เราทำได้ดีคนซื้อ คนลงโฆษณาไม่มีปัจจัยอื่นมากระทบให้เราต้องมาคิดใหม่ทำใหม่ แต่การทำออนไลน์ เหมือนกับเราไปอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ เว็บไซต์เป็นบ้านของเราร้อยเปอร์เซ็นต์ก็จริง แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าโซเชียลมีเดียมีพลัง เป็นเกตเวย์ แล้วโซเชียลมีเดียคือการอาศัยบ้านเขา เขาเปลี่ยนบ้านแต่ละครั้ง เราก็ต้องมาเรียนรู้ใหม่ ปรับตัวใหม่ตลอด ก็ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้อาศัยบ้านเขาน้อยลง เอาบ้านเราเป็นหลัก ก็มีเรื่องให้ต้องพัฒนาต่อเนื่อง
แล้วดูงานออนไลน์อย่างไรคะ ในห้องทำงานบนโต๊ะไม่มีคอมพิวเตอร์ มีแต่มือถือ
ก็ใช้มือถือนี่ล่ะค่ะดูงานตรวจงาน ( หัวเราะ) ต้องเรียกว่าวันนี้ชีวิตอยู่บนออนไลน์ ก็ดูทุกแบรนด์ ตรงไหนผิดก็ Capture หน้าจอส่งต่อกันแก้เดี๋ยวนั้น ดู stat รวมในทุกหัว คอนเทนท์ตัวใหม่คืออะไรขอดูหน่อยก่อนขึ้น แต่รายละเอียดลึกๆก็ต้องให้ทีมช่วยดู เพราะไม่อย่างนั้นแล้วจะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ อ่านแมกกาซีน อ่านหนังสือเล่มที่เป็นความสนใจส่วนตัว ทั้งนิยาย ธรรมะ ฮาวทู ถ้าเจออะไรก็ยังสามารถเอาความคิดมาแนะนำกับทีมได้อีก ตาอ่านหนังสือทีวีก็ต้องเปิดนะคะ ฟังเสียงผ่านหู ดูภาพผ่านตาบ้าง

คุณแพรยังปิดท้ายการสัมภาษณ์ด้วยรอยยิ้มและหัวเราะ
เสียงใส
เธอยังมีพลังในการฝ่าฟันกับความท้าทายใหม่ๆในชีวิตอีก
มากทีเดียว
เธอบอกเราว่า เมื่อใจเป็นอิสระ พลังก็จะอยู่กับเรา

เรื่อง : อรวรรณ บัณฑิตกุล / เพิ่มพล โพธิ์เพิ่มเหม
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
