เรากลับมา กิน เที่ยว ใช้ชีวิตเริ่มปกติกันมากขึ้น จากการผ่อนคลายข้อจำกัดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ

รวมถึงในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากถึง 497,693 คน เติบโตมากกว่า 24 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 ที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเพียง 20,172 คนเท่านั้น

และทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้ธุรกิจอาหารและโรงแรมในไทยคึกคักขึ้น

เมื่อทุกอย่างเริ่มกลับมา ธุรกิจอาหารและโรงแรมรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่าง NINT หรือ บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีร้านอาหารเชน เช่น พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซ่นส์, ซิซซ์เลอร์, แดรี่ ควีน, เบอร์เกอร์คิง

โรงแรมในเครืออย่างอนันตรา, เดอะเซนต์ รีจิส, เอ็นเอช และอื่น ๆ

และ CENTEL หรือ บมจ. เซ็นทรัลพลาซา

ที่มีร้านอาหารเชน อย่าง เคเอฟซี, มิสเตอร์โดนัท, อานตี้ แอนส์, โอโตยะ, เปปเปอร์ลันซ์ และอื่น

โรงแรม เครืออย่างเซนทารา

ซึ่งทั้งสอง บมจ. นี้มีทั้งธุรกิจร้านอาหาร และโรงแรมเชน เหมือน ๆ กัน ก็มีรายได้กลับมาด้วยเช่นกัน

ในไตรมาส 1/2565  MINT มีรายได้รวมที่ไม่รับรวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 20,701 ล้านบาท เติบโต 66% จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 12,499 ล้านบาท

และขาดทุน 3,582 ล้านบาท เป็นการขาดทุนลดลง 31% จากเดิมที่ขาดทุนถึง 5,211 ล้านบาท

สัดส่วนรายได้ในไตรมาส 1/2565 มาจากธุรกิจร้านอาหาร 6,391 ล้านบาท  เติบโต 25% จากไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 5,123 ล้านบาท

รายได้ธุรกิจอาหาร มาธุรกิจที่ลงทุนเองและแฟรนไชส์ ที่มีสาขาทุกแบรนด์รวมกันทั้งสิ้น 2,410 สาขา เป็นสาขาในประเทศ 1,622 สาขา และต่างประเทศ 788 สาขา ที่ประกอบด้วยประเทศหลัก ๆ อย่างจีน ออสเตรเลีย

เมื่อดูที่รายได้ในกลุ่มร้านอาหารในเครือ MINT ในประเทศไทย พบว่ามีการเติบโต 19.8% เทียบกับไตรมาส 1/2564 การเติบโตนี้มาจากยอดขายของร้านที่เพิ่มขึ้นมากถึง 12.4% ต่อสาขา และยังมีการเปิดสาขาที่เคยปิดไปชั่วคราวกลับมาให้บริการอีกด้วย

สำหรับธุรกิจโรงแรมภายใต้อาณาจักร MINT มีทั้งธุรกิจโรงแรมที่เป็นเจ้าของเอง ร่วมทุน และรับจ้างบริหาร รวมถึงธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม ประกอบด้วยธุรกิจศูนย์การค้า, บันเทิง, พิพิธภัณฑ์ และอสังหาฯ

ไตรมาส 1/2565 MINT มีรายได้จากธุรกิจโรงแรม 13,760 ล้านบาท เติบโต 108% จากไตรมาส 1/2564 ที่มีรายได้ 6,624 ล้านบาท

รายได้ของ MINT ในธุรกิจโรงแรมมาจาก

ธุรกิจโรงแรมและบริการที่เกี่ยวข้อง 12,478 ล้านบาท เติบโต 164% จากช่วงเดียวกันปี 2564

ธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรม 469 ล้านบาท เติบโต 91%

ธุรกิจอื่น ๆ 814 ล้านบาท ลดลง 51% เหตุผลที่ธุรกิจอื่น ๆ มีรายได้ลดลงมาจากรายได้ที่ลดลงของธุรกิจที่อยู่อาศัยเพื่อขายและอนันตรา เวเคชั่น คลับ ระบบซื้อคะแนนคลับพอยต์เพื่อใช้ในการเข้าพัก

ถ้ามองเฉพาะธุรกิจในส่วนของโรงแรมและรับจ้างบริหารโรงแรมที่มีอัตราการเติบโตจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนที่เพิ่มขึ้น 138% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่ผ่านมา เพราะหลายประเทศยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางระหว่างประเทศทำให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวมากขึ้น

โดยไตรมาส 1/2565 MINT มีห้องพัก โรงแรมในเครือทั้งหมด 75,805 ห้อง แบ่งเป็นไทย 5,220 ห้อง และต่างประเทศ 70,585 ห้อง ครอบคลุมทวีปเอเชีย โอเชียเนีย ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา

นอกจากอาหารและโรงแรม MINT ยังมีรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น อย่างเช่น แบรนด์ เอสปรี, อเนลโล่, บอสสินี่ และครัวเรือน เช่น สวิลลิ่ง, โจเซฟ โจเซฟ, โบเดิ้ม รวมถึงเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น น้ำยาบ้วนปาก กระดาษเปียก น้ำยาปรับผ้านุ่ม เครื่องหอมปรับอากาศ ให้กับบริษัทอน่าวว SC Johnson, ยูนิลีเวอร์, คอลเกต, จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และไลอ้อน

ในธุรกิจกลุ่มนี้ไตรมาส 1/2565 MINT มีรายได้ 550 ล้านบาท ลดลง 27% จากรายได้ในช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา 751 ล้านบาท

รายได้ 550 ล้านบาท เป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจจัดจำหน่ายในกลุ่มสินค้าแฟชั่นและครัวเรือนเท่านั้น ส่วนรับจ้างผลิตสินค้าเป็นธุรกิจที่มีรายได้ 0 บาท จากไตรมาส 1/2564 ที่สามารถทำรายได้ถึง 275 ล้านบาท

เมื่อเราพูดถึง NINT แล้ว มาดูฝั่ง CENTEL กันบ้าง

ไตรมาส 1/2565 CENTEL ทำรายได้ไว้ 3,882 ล้านบาท เติบโต 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2564

รายได้ของ CENTEL มาจากรายได้ธุรกิจโรงแรมและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 1,249 ล้านบาท เติบโต 149%

รายได้จากธุรกิจอาหาร 2,633 ล้านบาท เติบโต 16%

และขาดทุนเหลือ 44 ล้านบาท ลดลง 91% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนมากถึง 475 ล้านบาท

รายได้ของ CENTEL ในธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจเกือบทั้งหมดมาจากประเทศไทย มีการเติบโต 16% มาจากมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง และความกังวลจากเชื้อโควิด-19 ลดลงจากการฉีดวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้น

ประกอบกับแบรนด์อาหารต่าง ๆ ในเครือ CENTEL มีแคมเปญการตลาดดึงดูดเม็ดเงินลูกค้าทั้งรับประทานในร้าน ซื้อกลับ และเดลิเวอรี

และกลุ่มอาหารในเครือ CENTEL ยังมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 209 สาขา รวมเป็น 1,398 สาขา เมื่อสิ้นสุดไตรมาส 1 ปีนี้

ส่วนธุรกิจโรงแรมรายได้ 1,249 ล้านบาท เติบโต 149% รายได้ธุรกิจโรงแรมของ CENTEL โรงแรมที่เป็นเจ้าของและรับจ้างบริหาร

อัตราการเติบโตของรายได้ธุรกิจโรงแรมมาจากรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น197% และมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน จาก 14% ของห้องพักทั้งหมดเป็น 35% ของห้องพักทั้งหมด

เมื่อมาดูที่กรุงเทพฯ โรงแรมในเครือ CENTEL มีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 237% และมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน จาก 13% ของห้องพักทั้งหมดเป็น 31% ของห้องพักทั้งหมด การฟื้นตัวโรงแรมในกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งมาจากการจัดประชุมสัมมนาที่เพิ่มขึ้น จากมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ

ต่างจังหวัดมีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 252% และมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน จาก 8% ของห้องพักทั้งหมด เป็น 24% ของห้องพักทั้งหมด การฟื้นตัวของโรงแรมในเครือ CENTEL ในต่างจังหวัดมาจากการฟื้นตัวของโรงแรมในภูเก็ต กระบี่ และการกลับมาเปิดโรงแรมในสมุย เป็นหลัก

โรงแรมต่างประเทศ CENTEL มีโรงแรมในมัลดีฟส์ และดูไบ เป็นโรงแรมที่สร้างรายได้หลัก เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ CENTEL เป็นเจ้าของ

ไตรมาส 1/2565 โรงแรมทั้งสองประเทศมีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยรวมกันเพิ่มขึ้น 2% และมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน จาก 76% ของห้องพักทั้งหมดเป็น 77% ของห้องพักทั้งหมด

โดยสิ้นสุดไตรมาส 1/2565 CENTEL มีโรงแรมที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 40 แห่ง 8,514 ห้อง

แบ่งเป็นโรงแรมที่เป็นเจ้าของ 16 แห่ง 4,402 ห้อง

และโรงแรมที่รับบริหาร 24 แห่งจำนวน 4,112 ห้อง

และเราเชื่อว่าเมื่อทุกสิ่งกลับมาปกติมากยิ่งขึ้น รายได้ของ MINT และ CENTEL จะเพิ่มขึ้นกว่านี้แน่นอน


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer