เม็ดเงินมหาศาลกำลังหลั่งไหลเข้าสู่มาเลเซีย หลังบรรดาค่ายชิปเทงบลงทุนสร้างโรงงานรองรับการขยายตัวของ Smart Gadget และ EV
หลายบริษัทในอุตสาหกรรมชิปเดินหน้าแผนสร้างโรงงานในมาเลเซียเพื่อผลิตชิปป้อนให้กับแบรนด์เทคโนโลยีและค่ายรถ หลังความสามารถในการประมวลผลและเชื่อมต่อของอุปกรณ์และยานยนต์ทวีความสำคัญยิ่งขึ้น
ชิป เป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ ที่อยู่ในเทคโนโลยีหลายขนาด ตั้งแต่ Smartphone ไปจนถึงเครื่องบินรบมานานแล้ว หน้าที่หลักคือการทำให้อุปกรณ์ทำงานและประมวลผลได้อย่างราบรื่น โดยจากการที่เป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ และยังฝังอยู่ภายในจึงไม่ค่อยได้รับความสนใจจากคนส่วนใหญ่
ทว่าความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้ Smartphone โดยเฉพาะเรื่องการประมวลผล การทำให้อุปกรณ์สามารถสื่อสารกันเองได้อย่างราบรื่น และสมดุลในการผลิตที่เสียไปจากสถานการณ์โควิดตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
รวมไปถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถ EV ที่บรรดาค่ายรถต่างต้องการให้รถรุ่นใหม่ ๆ ประมวลผลได้รวดเร็วและสื่อสารกับอุปกรณ์ของคนขับได้ดีขึ้น ชิปจึงถูกจับตามองและทวีความสำคัญขึ้นมา
นี่ทำให้อุตสาหกรรมชิปขยายตัวอย่างมากและนำมาสู่การลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปในหลายประเทศ โดยมาเลเซียกำลังกลายเป็นประเทศที่มีเม็ดเงินมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาจากเทรนด์ดังกล่าวจนเพื่อนบ้านใน ASEAN ต้องอิจฉา
ปลายปี 2021 Intel ค่ายชิปสัญชาติอเมริกันประกาศสร้างโรงงานแห่งใหม่ในมาเลเซีย ภายใต้งบ 7,100 ล้านดอลลาร์ (ราว 237,000 ล้านบาท) โดยเมื่อแล้วเสร็จและเดินสายพานการผลิตในปี 2024 จะสร้างงานได้ราว 4,000 ตำแหน่ง
ถัดมา Infineon ค่ายชิปใหญ่สุดของยุโรป ก็ทุ่มงบ 2,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 69,000 ล้านบาท) สร้างโรงงานในเมือง Kulim ทางภาคตะวันตกของมาเลเซีย เพื่อเน้นป้อนชิปให้กับรถ EV
การหลั่งไหลของเม็ดเงินลงทุนจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมชิปสู่มาเลเซียยังไม่หยุดแค่นั้น โดยล่าสุด Foxconn ยักษ์โรงงานรับจ้างผลิต (OEM) สัญชาติไต้หวันที่สร้างชื่อมาจากการผลิต iPhone ให้ Apple ได้มีการลงนามในบันทึกทำความเข้าใจ (MOU) กับ Dnex บริษัทของมาเลเซีย
เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิป ภายใต้งบก่อสร้างระหว่าง 3,000-5,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 103,000–173,000 ล้านบาท) ที่จะผลิตชิปป้อนให้กับค่ายรถเพื่อไปติดตั้งในรถ EV
นอกจากมาเลเซียแล้วสิงคโปร์ก็เป็นอีกประเทศใน ASEAN ที่มีบริษัทชิประดับโลก มาลงทุนสร้างโรงงานเช่นกัน /nikkei
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline
