เมอร์เซอร์เผยผลสำรวจ TRS ปี 2565 พบ เคมี-เทคโนโลยี-ยาและเครื่องมือแพทย์ อุตฯ ขึ้นเงินเดือนสูงสุด 4.9%, 4.8% และ 4.8% ตามลำดับ รับตลาดแรงงานฟื้นจาก GDP ที่เตรียมพุ่ง 3.8% ปี 66 สูงสุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
เมอร์เซอร์ (Mercer) บริษัทให้คำปรึกษาระดับโลก ทำการสำรวจ Total Remuneration Survey (TRS) ประจำปี 2565 หรือ โครงการสำรวจหลักของเมอร์เซอร์ เพื่อศึกษาเกณฑ์ด้านค่าจ้างและผลตอบแทนที่เกี่ยวกับค่าจ้าง และนโยบายตอบแทนพนักงานในปีนั้น ๆ
รวมถึงแนวโน้มของงบประมาณ การจ้างงาน และการโยกย้ายงานที่จะเกิดขึ้นในปีถัดไป
อ้างอิงข้อมูลจากการสำรวจกับองค์กร 636 แห่ง ใน 15 อุตสาหกรรมในประเทศไทย ระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน 2565
พบว่า การปรับค่าตอบแทนมีแนวโน้มดีขึ้น จากแนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทย (GDP) ที่คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้น 3.8% ในปี 2566 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
และแนวโน้มการปรับขึ้นค่าตอบแทนของไทยที่ 4.5% นั้น สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกเล็กน้อย (ไม่รวมอินเดีย ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565) ที่มีอัตราการปรับขึ้นเฉลี่ย 4.4%
ทั้งนี้ อัตราค่ากลางของค่าตอบแทนที่ปรับสูงขึ้นในภูมิภาคเอเชีย สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของค่าตอบแทนในตลาดแรงงาน ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ และประเทศพัฒนาแล้ว
โดยมีการประมาณการอัตราค่าตอบแทนที่ปรับตัวสูงถึงระดับ 7.1% ในประเทศเวียดนาม เทียบกับ 2.2% ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งต่ำที่สุดในภูมิภาค
5 อุตสาหกรรมในไทย ขึ้นเงินเดือนให้ภาคแรงงานสูงสุด ปี 2565
ผลสำรวจ TRS ปี 2565 พบว่าไม่มีอุตสาหกรรมใดในไทย ปรับลดอัตราการขึ้นเงินเดือน สะท้อนความต้องการของตลาดแรงงาน ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากนี้ โดยคาดว่า อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์
จะมีอัตราการขึ้นเงินเดือนสูงสุด อยู่ที่ 4.9%, 4.8% และ 4.8% ตามลำดับ ซึ่งการคาดการณ์การปรับอัตราการขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้ นับว่าใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้าเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ 5%
ยกเว้น อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมประกันชีวิต ซึ่งคาดการณ์การปรับอัตราการขึ้นเงินเดือนอยู่ที่ 4.5% และ 4.0% ตามลำดับ
เพราะถึงแม้อุปสงค์ต่อภาคยานยนต์ และประกันชีวิต จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่กลับคืนสู่ระดับก่อนหน้าวิกฤตโควิด-19
ขณะที่ในแง่ของค่าตอบแทนผันแปร คาดการณ์การจ่ายโบนัสที่ 1.3 ถึง 2.5 เดือน โดยการจ่ายโบนัสสูงสุดอยู่ที่ 2.4 เดือน จากอุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์
| 5 อุตฯ ในไทย ขึ้นเงินเดือนสูง
รับตลาดแรงงานฟื้น-GDP พุ่ง |
|
| อุตสาหกรรม | อัตราการขึ้นเงินเดือน |
| เคมี | 4.9% |
| เทคโนโลยี | 4.8% |
| ยาและเครื่องมือแพทย์ | 4.8% |
| ยานยนต์ | 4.5% |
| ประกันชีวิต | 4.0% |
| ที่มา: Mercer | |
นายจ้าง 22% เตรียมรับพนักงานเพิ่มในปี 2566
ผลสำรวจ TRS ปี 2565 ยังพบว่ามากกว่าครึ่ง 53% ของบริษัทผู้ตอบแบบสํารวจในประเทศไทย เผยว่าจะไม่มีนโยบายในการปรับเปลี่ยนกรอบอัตรากำลังพนักงาน ปี 2566
และ 1 ใน 5 หรือราว 22% ของนายจ้างที่ร่วมการสำรวจ เผยว่าจะเพิ่มจำนวนพนักงาน ในขณะที่มีเพียง 4% ของนายจ้าง ที่เผยว่า จะลดจำนวนพนักงานลง
ขณะเดียวกัน อัตราการลาออกของพนักงานในปี 2565 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับก่อนหน้าวิกฤตโควิด-19 ซึ่งมีอัตราสูงกว่า 11.9% เมื่อเทียบกับ 9.4% ในปี 2564
โดยที่อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค และอุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์ คาดว่าจะมีอัตราการลาออกของพนักงานสูงที่สุด
แต่เน้นไปที่การโยกย้ายงานจากความสมัครใจที่เพิ่มขึ้น มากกว่าการถูกจ้างออกจากนายจ้าง ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของตลาดแรงงาน และโอกาสการย้ายงานที่เปิดกว้างมากขึ้น
จักรชัย บุญยะวัตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมอร์เซอร์ (ประเทศไทย) เผยว่า ในขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 บริษัทเห็นแนวโน้มการโยกย้ายงานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ กลับมาจ้างงาน และเพิ่มจำนวนบุคลากรที่มีความสามารถ เพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาด
ทั้งนี้ ธุรกิจไทยอยู่ในช่วงที่มีการแข่งขันที่สูงมาก และมีการแย่งชิงบุคลากรที่มีทักษะความสามารถสูง โดยมีการเสนอรายได้ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น เพื่อดึงดูดบุคลากร
ประกอบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พนักงานประสบกับภาวะเหนื่อยล้าจากการทำงาน และต้องการความเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม การที่ธุรกิจแข่งขันกันด้วยค่าจ้างแต่เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ใช่กลยุทธ์ที่ยั่งยืน
ดังนั้น นายจ้างจึงควรพิจารณามุ่งเน้นการนําเสนอผลประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ในองค์รวมให้แก่พนักงาน เช่น ความโปร่งใสของค่าจ้าง เส้นทางสู่ความก้าวหน้าในองค์กรที่ชัดเจน ตลอดจนแนวทางการทำงานรูปแบบใหม่ ที่ส่งผลให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านสวัสดิการด้านสุขภาพในรูปแบบต่าง ๆ และระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น
–
