เพราะเป็นแบรนด์รถอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ทั้งในเรื่องยอดขาย มูลค่าแบรนด์ และชื่อเสียงในระดับโลก ความเคลื่อนไหวแทบทุกอย่างของ Toyota จึงมีนัยสำคัญและได้รับความสนใจ
ทว่าราว 5 ปีมานี้ Toyota เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน และถูกวิจารณ์อย่างมากว่าเคลื่อนตัวช้า ยังยึดติดกับรถน้ำมันกับการเน้นความหลากหลายส่งรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบบต่าง ๆ มาให้ผู้บริโภคเลือก ทั้งที่ตลาดยานยนต์มุ่งสู่รถ EV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า
ซึ่งแบรนด์รถญี่ปุ่นแบรนด์อื่น ๆ ก็ใช้แนวทางเดียวกัน จนส่งผลให้แบรนด์รถญี่ปุ่นที่เคยผงาดยึดตลาดรถยุคน้ำมัน คว้าส่วนแบ่งในตลาดรถ EV ทั่วโลกได้เพียง 5% เท่านั้น และโดนแบรนด์จีนแซงขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ด้วยการครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 40% ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะตามทัน
มาปีนี้ Totoya มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญขึ้นสองอย่าง หนึ่งคือ Koji Sato ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ ต่อจาก Akio Toyoda หลานผู้ก่อตั้ง ที่จะขึ้นนั่งเก้าอี้นายใหญ่เมษายนนี้
ส่วนอีกหนึ่งคือการสั่งเลิกผลิต Camry รถกลุ่ม Sedan ที่ตกแต่งหรูหราและห้องโดยสารโอ่โถงกว้างขวาง จากโรงงานที่ญี่ปุ่นภายในปีนี้ ถือเป็นการปิดฉากรถรุ่นดังกล่าว ที่มีอายุ 43 ปี ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของอายุบริษัทเลยทีเดียว
Toyota ผลิต Camry รุ่นแรกออกสู่ตลาดเมื่อปี 1982 ซึ่งชื่อเป็นการเทียบเสียงจากคำในภาษาญี่ปุ่นหมายถึงมงกุฎ สื่อถึงความหรูหรา โดยกระแสตอบรับในบ้านเกิดค่อนข้างดีทีเดียว จนทำให้นำรถรุ่นนี้ไปเจาะตลาดต่างประเทศ ทั้งแถบเอเชียและสหรัฐฯ
คอรถในจีนและกลุ่มประเทศ ASEAN ยอมรับ Camry ว่าเป็นรถหรูระดับ High-end ส่วนทัศนะของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ต่อรถรุ่นนี้ก็ดีมากเช่นกัน โดยมองว่าเป็นรุ่นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง ขับง่ายและระบบทั้งหมดไว้ใจได้
กระแสตอบรับดีมาก ๆ ในตลาดสหรัฐฯ จึงส่งให้ Camry ติดอันดับรถหนึ่งในรถขายดีในสหรัฐฯ ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2016 คิดเป็นเวลานาน 15 ปี พร้อมทำยอดขายรวมใน 100 ประเทศทั่วโลก นับตั้งแต่เริ่มเดินสายการผลิตจนถึงสิ้นปี 2022 แล้ว 21 ล้านคัน
ทว่าสถานการณ์ในบ้านเกิดของ Camry ในบ้านเกิดกลับไม่ดีเอาเสียเลย โดย Camry ทำยอดขายญี่ปุ่นตลอดปี 2022 ได้เพียงไม่ถึง 6,000 คัน คิดเป็นไม่ถึง 1% จากยอดขาย 600,000 คันทั่วโลกในปีเดียวกัน
ขาลงของ Camry มาจากราคาที่สูง โดยเฉพาะในญี่ปุ่นอยู่ที่คันละระหว่าง 3.49 ล้านเยน ถึง 4.68 ล้านเยน (ราว 910,000 บาท ถึง 1.2 ล้านบาทตามลำดับ) ประกอบกับรถรุ่นที่ขนาดเล็กลงมาอย่างกลุ่ม Minivan และรถ SUV ขายดีกว่า จนไปฉุดยอดขายของ Camry ซึ่งอยู่ในกลุ่มรถ Sedan
สถานการณ์ดังกล่าว Toyota จึงตัดสินใจเลิกผลิต Camry จากโรงงานในญี่ปุ่น โดยจะผลิตเฉพาะตามยอดสั่งที่ยังค้างอยู่และไม่รับยอดผลิตใหม่แล้ว ดังนั้นสายการผลิตของ Camry ในญี่ปุ่นประเทศบ้านเกิดจะยุติลงแค่สิ้นปี 2023
ส่วนโรงงานที่ผลิต Camry ในต่างประเทศที่ประกอบไปด้วย โรงงานในสหรัฐฯ กับจีน จะเดินหน้าผลิตต่อไป ท่ามกลางการคาดกันว่าต่อไป Camry ในตลาดต่างประเทศอาจมีชะตากรรมเดียวกับในญี่ปุ่น
เพราะยอดขายไม่ดีเหมือนเคยแล้ว โดยนับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา Camry ก็เสียแชมป์ยอดขายรถของ Toyota ในสหรัฐฯ ให้กับ Rav4 ซึ่งเป็นรถกลุ่ม SUV
สถานการณ์ของ Camry ยังเหมือนกับ Nissan ที่สั่งยุติสายการผลิตรถกลุ่ม Sedan ในญี่ปุ่น และ Honda ที่ก็สั่งเลิกผลิตรุ่น Legend ซึ่งก็เป็นรถกลุ่ม Sedan เช่นกัน/nikkei
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



