ราว 3-4 ปีมานี้ ขณะที่โลกตกอยู่ใต้สถานการณ์โควิด มีความเคลื่อนไหวด้านนวัตกรรมคมนาคมอย่างหนึ่งที่กำลังถูกจับตามองอย่างมาก เพราะถ้าเป็นไปตามเป้าการสัญจรไปมาตามเมืองใหญ่จะเทคออฟสู่ยุคใหม่ทันที
แท็กซี่บินได้ ซึ่งเป็นอากาศยานพลังงานไฟฟ้าขึ้น-ลงแนวตั้ง (e-VTOL) คือนวัตกรรมดังกล่าว โดยท่ามกลางข่าวการเดินหน้าพัฒนาของบริษัทต่าง ๆ ซึ่งมีบริษัทใหญ่ ๆ ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ เทคโนโลยี และอากาศยาน เข้ามามีส่วนร่วม ก็มีประเด็นที่ทำให้นวัตกรรมนี้ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น
เพราะมีการตั้งเป้านำ e-VTOL มาใช้ในสองอีเวนต์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Olympic ในกรุงปารีสของฝรั่งเศส กับ World Expo ในญี่ปุ่น ซึ่งแน่นอนว่าด้านหนึ่งจะช่วยโปรโมตสองอีเวนต์ใหญ่ต่างซีกโลก ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็จะถือเป็นการซ้อมใหญ่ เพื่อนำไปสู่การใช้ตามเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลกในอนาคต
ฝั่งยุโรปชิงเทคออฟก่อนในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ
ลำพังแค่แผนการจัด Olympic ในกรุงปารีสปี 2024 ของรัฐบาลฝรั่งเศสที่ทยอยออกมา อย่างแข่งศิลปะบังคับขี่ม้าที่สนามหน้าวัง Versailles วอลเลย์บอลชายหาดหน้าหอ Eiffel และลู่วิ่งบนแม่น้ำ แถมพิธีเปิดก็ยังใช้ขบวนเรือยาวสุดลูกหูลูกตาอีก
แต่ในงาน Amsterdam Drone Week ในเนเธอร์แลนด์เมื่อ 20 มีนาคมที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่จะทำให้คนทั่วโลกอยากร่นเวลาการกลับมาเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกหน 2 ในรอบ 100 ปีของเมืองหลวงฝรั่งเศสให้เร็วขึ้น เพราะจะมีการนำ e-VTOL มาใช้ด้วย
Groupe ADB บริษัทฝรั่งเศสที่ดูแลโครงการนี้เผยว่า จะใช้ e-VTOL 5 ลำ ให้บริการใน 3 เส้นทาง เช่น Charles de Gaulle สนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ของประเทศ ไปยัง Le Bourget สนามบินขนาดเล็กกว่าทางตอนเหนือของกรุงปารีส
และช่วงปลายปี 2023 จะมีการทดสอบก่อนเพื่อชาวเมืองได้สัมผัสกัน และสร้างความคุ้นเคย โดยถ้าเป็นไปตามแผน ก็จะได้นำโครงการที่เรียกกันว่า Tesla of the Sky มาใช้ใน Olympic และ Paralympic ในปี 2024 ต่อไป ซึ่งจะถือเป็นการนำ e-VTOL มาใช้ในเมืองใหญ่ และงานระดับโลก เป็นครั้งแรกของโลกอีกด้วย
ส่วนอนาคตก็จะมานำใช้สำหรับกรณีฉุกเฉินและเร่งด่วน โดยเฉพาะทางการแพทย์ อย่างการพาผู้ป่วยโรคหัวใจที่อาการกำเริบจนเข้าขั้นวิกฤตไปโรงพยาบาล
เอเชียตามมาติด ๆ แต่เล่นใหญ่และจัดเต็มกว่า
ทั้งที่เคยเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลกด้านนวัตกรรม แต่ปัจจุบัน ญี่ปุ่นกำลังเจ็บปวดกับการต้องตามหลังเพื่อนบ้านร่วมทวีปเอเชีย โดยเฉพาะจีนและเกาหลีใต้ จนนำไปสู่การยกเครื่องครั้งใหญ่ตั้งแต่ฐานราก
อย่างการเพิ่มคณะด้านนวัตกรรมตามมหาวิทยาลัย และค่ายรถญี่ปุ่นพร้อมใจกันตั้งซีอีโอใหม่ โดยพอถึงปี 2025 แผนยกเครื่องเหล่านี้จะเริ่มเห็นผลบ้าง พร้อมงานใหญ่ที่จะมีฝูงนวัตกรรมการเดินทางขึ้นบิน เพื่อย้ำความมุ่งมั่นแผนยกเครื่อง
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ผนึกกำลังกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องวางแผน นำ e-VTOL มาใช้ในงาน World Expo ปี 2025 ที่ Osaka ใน 8 เส้นทาง เช่น จากสนามบินไปถึงสถานที่จัดงาน และจากสนามบินไปยังย่านใจกลางเมือง เพื่อให้สอดรับและฉายภาพแห่งอนาคตตรงกับธีมงานที่ว่า การออกแบบสังคมแห่งอนาคตเพื่อชีวิตของเรา
ความน่าสนใจของโครงการดังกล่าวในญี่ปุ่น ยังอยู่ที่บริษัทใหญ่ ๆ ระดับประเทศ อย่าง Toyota ANA และ Japan Airlines ต่างเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ
และหลังจากมีข่าวโครงการนี้ออกไปไม่นาน Park24 บริษัทผู้ให้บริการลานจอดรถรายใหญ่ของญี่ปุ่นได้เริ่มพัฒนาลานจอด e-VTOL ในเมืองใกล้กับสถานที่จัดงาน เพราะเชื่อว่าคงจะทำเงินได้พอสมควร และยังช่วยโปรโมตบริษัทไปในตัวตลอด 6 เดือนของงาน World Expo ครั้งนี้ด้วย
หากทั้งหมดเป็นไปตามแผน การนำ e-VTOL มาใช้ทั้งใน Olympic ที่ฝรั่งเศส ปี 2024 และ World Expo ที่ญี่ปุ่นในปีต่อมา ฝั่งยุโรปก็จะขึ้นนำไปก่อนกับนวัตกรรมการเดินทางนี้ และออกตัวสำหรับการพัฒนาเป็นธุรกิจหรือทางเลือกของระบบขนส่งมวลชนได้ก่อน
โดยปารีสเองจะถือเป็นหนึ่งในเมืองหลวงใหญ่ของโลกที่มีทางเลือกในการเดินทาง เพราะนอกจาก e-VTOL แล้วกรุงปารีสยังกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างรถกระเช้าอีกด้วย แต่เสียดายที่จะแล้วเสร็จในปี 2025 จึงไม่ทันได้ใช้ใน Olympic
ส่วนฝ่ายเอเชีย แม้ตามหลังแต่ก็ไม่ถือว่าล้าหลังมากนัก เพราะทดแทนด้วยเส้นทางบินมากกว่าตามแผนที่ผู้จัดงาน World Expo ได้ประกาศไป
และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีความเคลื่อนไหวมากมายที่ให้ฝั่งยุโรปประมาทไม่ได้ออกมา เช่น Jeju เมืองเกาะท่องเที่ยวชื่อดังของเกาหลีใต้จะนำ e-VTOL มาใช้
ตามด้วย Air Asia ได้ลงทุนในโครงการ e-VTOL เพื่อนำมาใช้ในมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้านใน ASEAN ภายในปี 2025 ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเมื่อถึงปี 2050 เอเชียจะเป็นตลาดใหญ่สุดของ e-VTOL โดยจะมีบินให้บริการอยู่มากถึง 161,000 ลำ คิดเป็น 51% ของตลาด/theguardian, nikkei
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



