Swensen’s เปิด 4 กลยุทธ์บุกตลาดไอศกรีมที่ลูกค้าถูกสปอยด้วยรสชาติจากแบรนด์เล็ก
ปรากฏการณ์เอลนินโญที่ทำให้อากาศในประเทศไทยร้อนระอุ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เอื้ออำนวยต่อตลาดไอศกรีม ที่ดึงดูดให้ผู้บริโภครับประทานไอศกรีมเพื่อคลายร้อนมากขึ้น
แต่การแข่งขันในตลาดไอศกรีมในวันนี้ นอกเหนือจากการแข่งขันขยายสาขา และช่องทางให้เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุดแล้ว ยังแข่งขันกันเรื่องรสชาติใหม่ดึงดูดให้ผู้บริโภคกลับมาลองชิม เพิ่มความถี่ในการใช้บริการ
โดยเฉพาะคู่แข่งรายเล็กที่เน้นแข่งขันกันเรื่องพัฒนารสชาติใหม่ ๆ ที่แปลกและแตกต่างจากรสชาติเดิม ๆ ดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจ และเข้ามาเป็นลูกค้า รวมถึงคู่แข่งที่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจไอศกรีม ที่พัฒนาไอศกรีมรสชาติที่ลิงก์ไปกับจุดขายที่อาหารหลักของตัวเอง
หรือ Collabs กับแบรนด์ไอศกรีมพัฒนารสชาติของตัวเองโดยเฉพาะ เพื่อเป็นกิมมิกสร้างสีสันการตลาดในการพูดถึง ดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้บริโภครุ่นใหม่ชอบความแปลกใหม่ และโพสต์ประสบการณ์ตัวเองในโลกโซเชียล
การพัฒนารสชาติใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นเหมือนการสปอยลูกค้าให้คาดหวังว่าแบรนด์ไอศกรีมจะมีไอศกรีมรสชาติ
ที่สร้างความว้าวในการรับประทานเพิ่มขึ้น
บนการแข่งขันในตลาดไอศกรีม 2566 นี้สำหรับอนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด
เชื่อว่าในปีนี้ Swensen’s จะสามารถเติบโตได้มากกว่า 10% จากปีที่ผ่านมา
การเติบโต 10% ของ Swensen’s ในปีนี้มาจากกลยุทธ์ 4 ประการได้แก่
1. ขยายสาขา และเปิด Region Flagship Store อย่างต่อเนื่อง
สิ้นปีที่ผ่านมาSwensen’sมีสาขาทั้งสิ้น 330 สาขา และในปีนี้ต้องการเปิดเพิ่ม 10 สาขา เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
นอกเหนือการเปิดสาขาSwensen’sในรูปแบบปกติเพิ่มขึ้น อนุพนธ์ยังให้ความสำคัญกับการเปิดสาขาในรูปแบบ Region Flagship Store เพิ่มอีก 2 สาขา
สาขา Region Flagship Store ที่เปิดเพิ่ม เปิดไปแล้ว 1 สาขาที่หาดใหญ่วิลเลจในสิ้นไตรมาส 1/2566 และอีก 1 สาขาในไตรมาส 3 ในภาคที่ยังไม่เคยเปิด Region Flagship Store มาก่อน
เหตุผลที่อนุพนธ์ให้ความสำคัญกับ Region Flagship Store จากการวางจุดเด่นของสาขา Region Flagship Store เป็นสาขาสแตนด์อโลนที่ตกแต่งด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่นที่โดดเด่นในพื้นที่นั้น ๆ
และวางโมเดลธุรกิจเลือกเปิดสาขาในพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีเศรษฐกิจที่แข็งแรง
ปัจจุบันSwensen’sเปิด Region Flagship Store มาแล้ว 6 สาขา ได้แก่
1. ภูเก็ต
2. น่าน
3. ยะลา
4. พิษณุโลก
5. นครศรีธรรมราช
6. หาดใหญ่
Swensen’s Region Flagship Store ยกเว้นสาขาภูเก็ตที่เป็นสาขาแรก Swensen’sทำธุรกิจผ่านการจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นคนในพื้นที่ทั้งหมด เพราะรู้จักและเข้าใจถึงวัฒนธรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคในจังหวัดนั้น ๆ เป็นอย่างดี และสามารถใช้พลังของคนในพื้นที่ต่อยอดการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ได้
ซึ่งที่ผ่านมาสาขา Region Flagship Store จะสร้างรายได้มากกว่าสาขาทั่วไปประมาณ 20%
และพื้นที่ที่มี Region Flagship Store จะสร้าง Awareness ให้กับแบรนด์พร้อมกับดึงดูดแทรฟฟิกให้ผู้บริโภคในพื้นที่เข้ามาใช้บริการในสาขาอื่น ๆ ที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันเพิ่มขึ้น 10% ในช่วงที่มีการเปิด Region Flagship Store ขึ้นมาใหม่
สำหรับสาขาหาดใหญ่เป็นสาขาที่ดีไซน์ในกลิ่นอายของเก๋งจีน ที่มีโมเดลและหยิบวัฒนธรรมโรงเตี๊ยม และลวดลายของเข่งมาใช้ในการดีไซน์ มีพื้นที่ที่เหมาะกับการถ่ายภาพ จากการหยิบยกวัฒนธรรมของจีนมาใช้ เนื่องจากจังหวัดสงขลามีชาวจีนอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก
และอนุพนธ์เชื่อว่า Region Flagship Store ที่หาดใหญ่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและครอบครัวให้เข้ามาใช้บริการได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการเข้าถึงกลุ่ม Gen Z กลุ่มที่Swensen’sต้องการขยายฐานลูกค้าด้วยเช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมา Gen Z มองแบรนด์Swensen’sเป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ จากการเกิดมาก็เห็นแบรนด์นี้แล้ว ไม่ใช่แบรนด์ที่คูลสำหรับพวกเขา แต่จะเข้ามาใช้บริการกับครอบครัวเสียส่วนใหญ่เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่ญาติผู้ใหญ่รู้จัก
2. สร้างความถี่ผ่านเมนูใหม่ ซีซันนอล และแอปพลิเคชันผลักดันยอดขาย Same Store เติบโต
อนุพนธ์ให้ข้อมูลว่ารสชาติช็อกโกแลต วนิลา สตรอเบอร์รี่ กาแฟ มอคค่าอัลมอนด์ เป็น 5 รสชาติยอดนิยมของลูกค้าSwensen’sจากพฤติกรรมคนไทยที่ชอบรับประทานของเดิม ๆ ที่คุ้นเคย
และSwensen’sสร้างความถี่และดึงให้ลูกค้าเข้ามารับประทานมากขึ้นด้วยเมนูที่เป็น Fever of the Month เมนูที่อนุพนธ์มองว่าเป็นเมนูที่ลูกค้าคาดหวังที่จะเข้ามารับประทานในรสชาติที่ชื่นชอบด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังดึงดูดลูกค้ากลุ่มเด็กด้วยการปรับเปลี่ยนดีไซน์ถ้วยไอศกรีมสำหรับเด็กให้ลูกค้าสามารถซื้อรับประทานและนำกลับทุก 2 เดือนเช่นกัน
นอกเหนือจากการมีเมนูปรับเปลี่ยนในรูปแบบซีซันนอล Swensen’s ยังพัฒนาแอปพลิเคชันให้เป็น Loyalty App ให้ลูกค้าเก็บสะสมแต้ม และรับข่าวสารโปรโมชั่นต่าง ๆ เพิ่มเติมจากบัตรสมาชิกที่ใช้เป็นส่วนลดในการซื้อไอศกรีมต่าง ๆ
ซึ่งการมี Loyalty App เป็นหนึ่งในแนวทางรู้จักลูกค้าผ่านดาต้าเบสแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความถี่ให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการในสาขาเพื่อสะสมแต้ม หรือเข้ามาใช้เพราะโปรโมชั่นได้ดีอีกทางหนึ่ง
สำหรับบัตรสมาชิกSwensen’sมีฐานสมาชิก 1 ล้านใบ และลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 5 ครั้งต่อปี ในปีที่ผ่านมา
3. License Collaboration สร้างสีสันและฐานลูกค้าใหม่
ในที่ผ่านมา Swensen’sประสบความสำเร็จกับการ Collaboration กับ BLACKPINK ผ่านลายบัตรสมาชิกและของสะสมที่สามารถขยายฐานลูกค้าไปยังลูกค้าใหม่ได้
ในปีนี้Swensen’sมีแผนที่ Collaboration เพื่อสร้างพลังและขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
4. ดึงกลุ่ม Gen Z ด้วยความแปลกใหม่
ไอศกรีมไก่ไหว้เจ้า ไอศกรีมเบอร์เกอร์ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้Swensen’sสามารถดึงดูดและเข้าถึงลูกค้ากลุ่ม Gen Z ได้มากขึ้น
และนอกจากนี้ ที่ผ่านมาการทำป๊อปอัปสโตร์ในรูปแบบบาร์ ยังเป็นหนึ่งในการเข้าถึงกลุ่ม Gen Z ได้ด้วยเช่นกัน และในปีนี้Swensen’sมีแผนที่จะทำป๊อปอัปสโตร์อีกครั้ง แต่ยังไม่ระบุรายละเอียดของป๊อปอัปสโตร์ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี การเติบโตของSwensen’sแม้ในวันนี้อายุกว่า 34 ปีในประเทศไทย แต่แบรนด์Swensen’sก็ยังคงเป็นความสุขที่ไม่มีวันละลาย
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



