ภาพอาหารแมวและสุนัขที่วางอยู่เบื้องหน้าทำเอาพูดอะไรแทบไม่ออก บอกได้แค่ ว้าวว
ปาเต้ทูโทนสอดไส้รูปทรงกังหัน, เนื้อไก่แผ่นรูปทรงคล้ายมันฝรั่งทอด, โคนไอศกรีมรสไก่และมูสสองสี, ปลาทูน่าในเจลลี่นิ่ม, เนื้อไก่เส้นผสมชิ้นผักในน้ำซุป ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มวิตามิน
เฮ้อ หรือจะหมดยุคข้าวคลุกปลาทู
“คนกินอะไร สุนัข -แมวก็กินอย่างนั้น อาหารคนพัฒนาไปแค่ไหน อาหารสัตว์เลี้ยงก็สามารถพัฒนาไปได้เรื่อย ๆ ได้เช่นกัน ผมเชื่อว่า Innovation ที่เราใส่บางอย่างล้ำหน้าไปกว่าอาหารคนด้วยซ้ำ”
พิชิตชัย วงศ์ปิยะ CEO บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 2 ในเอเชีย ติด 1 ใน 10 ของโลก (ข้อมูลอ้างอิงจากมูลค่าขายในปี 2564 จาก PetFoodIndustry.com และ Frost & Sullivan) เริ่มต้นกล่าวกับ Marketeer ด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ
วันนี้เราขอเรียกเขาว่า “เชฟใหญ่” แห่งบ้าน ไอ-เทล
พิชิตชัย จบปริญญาตรี เศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทหลักสูตรบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยฮาร์ตฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา
ได้เข้ามาร่วมงานกับบริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (บริษัทแม่ของไอ-เทล) ผู้ผลิตทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เริ่มก่อตั้งในปี 2520
โดยเป็นเซลส์ขายทั้งปลาทูน่าให้คนกิน และปลาทูน่าที่เป็นอาหารแมวมาโดยตลอด มานานกว่า 30 ปี
จาก Cat Food ที่มีอยู่เพียง 5 รายการ ค่อย ๆ โตขึ้นมาและขยายเป็นอาหารสุนัขด้วย พร้อม ๆ กับรับผลิตเป็น OEM ส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลกเกือบ 100 %
จากหน่วยงานเล็ก ๆ กลายเป็นบริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ITC) ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา
ปัจจุบันมูลค่าตลาดอาหารสุนัขและแมวทั่วโลกสูงถึงประมาณ 4 ล้านล้านบาท และไอ-เทลมียอดขายปีที่ผ่านมา 22,776 ล้านบาท กำไร 4,470 ล้านบาท
แบ่งเป็น Export 99% และภายในประเทศ 1% สำหรับยอดขายในปี 2565 ตลาดอเมริกามีส่วนแบ่งอยู่ที่ 55% ยุโรป 16% และเอเชียและโอเชียเนีย 29%
พิชิตชัยจึงน่าจะเป็นคนหนึ่งที่รู้ใจสัตว์เลี้ยงมากที่สุดในเรื่องอาหาร
เรามาถึงวันที่อาหารหมา-แมวเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร
ถึงแม้อาหารส่วนใหญ่ยังเป็นปลาทูน่าและเนื้อไก่ แต่อาหารได้พัฒนาไปจากเดิมมากมาย ไม่ต่างกับอาหารคน
“อย่างสินค้าตัวนี้ พุดดิ้ง เห็นแล้วว้าวหรือเปล่าครับ”
ปาเต้ทูโทนชิ้นสวยสำหรับน้องแมว ที่พิชิตชัยวางลงในจานและใช้ช้อนตัดออกมา ด้านในจะเป็นเนื้อปาเต้สองสีเนียนละเอียดสอดไส้ชิ้นเนื้อทูน่า
“เราได้รับโจทย์จากลูกค้าว่าต้องการทำสินค้า 2 สีในถ้วยพลาสติก ซึ่งในขณะนั้น ยังไม่มีเทคโนโลยีรองรับการผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงลักษณะนี้มาก่อน จึงให้โจทย์ไปกับทีม Engineer และ R&D เพื่อเริ่มศึกษาและคิดค้นผลิตภัณฑ์ตัวนี้มา ในส่วนของปาเต้สีอ่อนทำมาจากปลาทูน่าเนื้อขาว (Tuna Light Meat) และปาเต้สีเข้มที่ตัดสลับนั้นทำมาจากเลือดปลาทูน่า (Tuna Red Meat) และตรงกลางจะมีท็อปปิ้งก้อนกลม ๆ ที่อาจจะเป็นเนื้อไก่ ปลาทูน่า หรือปลาแซลมอน แล้วแต่ลูกค้าต้องการ”
สินค้าอีกตัวหนึ่งหน้าตาสีสันเหมือนข้าวผัดในเซเว่นอีเลฟเว่น บรรจุอยู่ในแพ็กเกจจิ้งที่ไม่ต่างจากอาหารคน และอาจจะพลั้งเผลอหยิบเข้าไมโครเวฟเพื่อรับประทานเองได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
แต่จริง ๆ แล้วมันคืออาหารสุนัข ที่มีส่วนผสมทั้ง ทูน่า ไก่ แคร์รอต ถั่วลันเตา แอปเปิล และปลาแซลมอน
“เป็นสูตร Kidney Friendly (ที่ดีกับไต) เพราะส่วนผสมสำคัญอีกอย่างคือน้ำ ที่ไม่ได้ใส่เยอะจนท่วม เพราะว่าไตเป็นโรคหลักของหมาและแมวเลย”
พิชิตชัยยังหยิบโคนไอศกรีมอันเล็กจิ๋วออกมาให้ดู
“ส่วนตัวนี้เลียนแบบอาหารของคน คือไอศกรีมมินิ ตัวโคนทำมาจากเนื้อไก่ โดยเอาอาหารหรือขนมใส่เข้าไปในโคนให้แมวเลีย เหมือนคนรับประทานไอศกรีม”
เราไม่ได้ไปศึกษาอาหารสัตว์เลี้ยงอย่างเดียว แต่ไปศึกษาอาหาร Baby Food ด้วย แล้วมันจะมี Packaging แปลก ๆ ที่ป้อนเด็กได้แต่ทำไมเราเอามาป้อนหมาหรือแมวไม่ได้
“ผมยกตัวอย่างที่เป็นซองซาเช่ (ซองขนาดเล็ก) อย่างนี้ ฉีกซองแล้วก็ป้อนแมว ตอนลูกผมเด็ก ๆ ก็จะไปซื้อช็อกโกหรือช็อกกี้ตามเซเว่น แล้วมันก็จะเป็นซาเช่ เปิดแล้วก็ดูดกิน ถ้าคนดูดกินได้ทำไมแมวจะดูดกินไม่ได้ เพียงแต่เขาบีบเองไม่ได้ เราก็ต้องบีบให้เขา แต่พฤติกรรมเดียวกันเลยคือเลียจากซอง”
ซึ่งนี่น่าจะเป็นที่มาของขนมแมวเลีย ที่ทาสแมวรู้จักดี และตลาดกำลังบูมมาก และวันนี้แมวเลียของไอ-เทลมีแบบผสมคอลลาเจนด้วย และกำลังพัฒนาสินค้าใหม่ “Two-Tone Mousse” ขนมแมวเลียที่มี 2 รสชาติในซองเดียว
อีกตัวหนึ่งเหมือนกับมันฝรั่ง ที่กินได้เลยทำมาจากเนื้อไก่
“ตัวนี้ก็ดูเหมือนเป็นขนม แต่ไม่ใช่ครับ เราเรียกมันว่าเป็น Meal Replacement Bar สามารถกินแทนอาหารได้เลย จะได้สารอาหารครบถ้วน เป็นอาหารสำหรับหมาแต่ก็ไม่แปลก ถ้าเราจะทำสำหรับแมว เพียงแต่ถ้าให้แมวเราต้องบิให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใช่ไหมครับ แต่หมามันมีฟันบด มันก็งับกินได้เลย”
นอกจากนั้น ยังมี Fish Dry หรือ Chicken Dry ที่ใส่ไปในถุงเล็ก ๆ ที่เหมือนถุงชา พกพาสะดวก เวลาจะใช้ก็เอาถุงชานี้หย่อนลงไปเขย่า ๆ ในน้ำให้แมวดื่ม เป็นการกระตุ้นให้แมวได้รับประทานน้ำที่มีสารอาหารอยู่ด้วย
“หรือ Cat Drink ที่เป็นน้ำดื่มสำหรับแมว บรรจุในกระป๋องโค้กเล็ก ๆ เดือนหนึ่ง ๆ เราส่งออกไปประมาณไป 20 ตู้คอนเทนเนอร์ กิมมิกจะเป็น Swimming Meat คือมีเนื้อว่ายน้ำอยู่ แมวกินได้ มีทั้งเนื้อไก่ เนื้อปลาแซลมอน”
พิชิตชัย วงศ์ปิยะ บอกว่านี่แค่ตัวอย่าง ยังมีอีกหลายเมนูที่ฝ่าย R&D กำลังพัฒนาอยู่ รวมทั้งกำลัง co create concept กับบริษัทขนมหวานชื่อดัง (ของคน) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมา
สินค้าที่พรีเมียมแบบนี้ราคาค่อนข้างสูง และโตเร็วกว่าตลาดแมส แล้วหลายตัวก็พยายามเลียนแบบอาหารมนุษย์ เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ Humanization เมื่อเจ้าของกินอะไร ก็อยากให้สัตว์เลี้ยงได้กินด้วย
คนปรุงอาหารให้หมาแมวอร่อยไปทั่วโลกได้อย่างไร
Key Success ที่ทำให้ไอ-เทล เติบโตถึงวันนี้ คือแนวคิดการให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเป็นศูนย์กลางหรือ “Pet-Centric” โดยบริษัทแม่ได้ได้ตั้ง Global Pet Care Innovation เพื่อที่จะไปศึกษาเทรนด์ของสัตว์เลี้ยงเมื่อประมาณปี 2558
และประมาณเดือนมิถุนายน 2566 ไอ-เทล จะเปิด i-Cattery ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารแมวของไอ-เทล เพื่อ Support แนวคิดเรื่อง Pet Centric
“ที่นี่เราจะเลี้ยงแมวหลากหลายสายพันธุ์ 48 ตัว แบ่งเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 12 ตัว เพื่อนำมาทดสอบ คำว่าทดสอบไม่ใช่เหมือนหนูทดลองในห้องแล็บ ไม่ใช่นะครับ อย่าไปนึกภาพแบบนั้น เรารักแมวพวกนี้มาก อาหารที่ลองให้กินต้องมั่นใจว่า เขาได้รับสารอาหารเพียงพอ เดี๋ยวจะนึกว่าเราไปคอนโทรลจำกัดอาหารการกินของมันแล้ว มันจะผอมไปหรือเปล่า ไม่ใช่ ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด พร้อมกับให้เขาทดลองชิมอาหารทั้งของเราและของคู่แข่ง”
ก่อนหน้านี้ไอเทลจะมีสัตว์เลี้ยงกลุ่มตัวอย่างเพื่อทำ R&D ทำออกมาแล้วกินไม่กิน กินมากกินน้อย เก็บเป็นตัวอย่างขึ้นมา แต่ i-Cattery จะเป็นการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“การทำอาหารให้ครบคุณค่าก็ว่ายากอยู่แล้วนะครับ แต่ทำอย่างไรให้สารอาหารครบและอร่อยด้วย เป็นโจทย์ที่ท้าทาย”
ในส่วนงานด้านการวิจัยและพัฒนา ไอ-เทล มีบุคลากรมากกว่า 100 คน ซึ่งประกอบด้วยทีม Research & Development, ทีมนวัตกรรม Global Pet Care Innovation ทีมนักโภชนาการอาหารสัตว์เลี้ยง และทีม Business Development Innovation
พิชิตชัยเชื่อว่าคนที่มี Passion ในการทำธุรกิจแล้วไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ และสร้าง Innovation ใหม่ ๆ เพื่อให้ถูกใจน้องหมา น้องแมวมากที่สุด จะเป็นจุดแข็งสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินนำหน้าคู่แข่ง นอกเหนือจากจุดแข็ง ที่บริษัททำเรื่องอาหารสัตว์มานาน รวมทั้งเรื่องต้นทุนวัตถุดิบที่ส่วนใหญ่ทำมาจากปลาทูน่าด้วย
เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไอ-เทล ยังได้ผนึกกำลังกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เพื่อ เปิด “i-Tail PET CINEMA” โรงภาพยนตร์สำหรับคนรักสุนัขและแมวแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งมีกระแสแห่งความสงสัยเกิดขึ้นมากมายในโลกออนไลน์ ว่ามันจะมีความเป็นไปได้แค่ไหน
“ใครดูหนัง คนดูใช่ไหมครับ เพราะว่าหมาแมวมันดูไม่รู้เรื่อง การทำโรงหนังพาหมาแมวเข้าไปได้ จริง ๆ เป็นการตอบโจทย์ของเจ้าของ ที่อยากออกจากบ้าน แต่ก็ไม่อยากทิ้งพวกเขาเฝ้าบ้าน ก็พาไปดูหนังด้วย แต่รายละเอียดว่ามีวิธีการจัดการอย่างไรช่วงปลายเดือนนี้จะมีการแถลงข่าวอีกครั้ง”
นอกจากนั้น ไอ-เทล ยังมีเป้าหมายที่จะไปร่วมลงทุนกับ Pet Tech Industry เช่น ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ เครื่องให้อาหารแมว เป็นต้น
รวมทั้งร่วมคิดค้นเรื่องอาหารและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆเพื่อหมา-แมว ร่วมกันกับพันธมิตรต่าง ๆ ที่มีไอเดียใหม่ ๆ
ทุกอย่างถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองกระแส “Pet Parent” การเลี้ยงสัตว์แบบเลี้ยงลูกกำลังมาแรงไปทั่วโลก
แต่ไม่ต้องกลัวสัตว์เลี้ยงพวกนี้จะครองโลกหรอกค่ะ พวกเขาเปิดกระป๋องอาหารกินเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังไงต้องมาอ้อนทาสอย่างเราอยู่ดี
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ Website: Marketeeronline.co
Facebook: www.facebook.com/marketeeronline



