เชื่อได้เลยว่าถ้าพูดถึงช็อกโกแลต หลายคนคงนึกถึงเบลเยียมแน่นอน แล้วหลายคนคงเคยได้ยินคำโฆษณา ‘ช็อกโกแลตแท้จากเบลเยียม’ บ่อย ๆ เพราะประเทศเบลเยียมถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงแห่งช็อกโกแลตที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมการผลิตช็อกโกแลตและผสมผสานรสชาติใหม่ ๆ มากมาย

อย่างแบรนด์ Neuhaus (นอยเฮาส์) แบรนด์ผู้เริ่มตำนานช็อกโกแลตในเบลเยียม หรือแบรนด์ Godiva (โกไดวา) ที่แบรนด์ช็อกโกแลตสอดไส้หลากชนิดชื่อดัง ที่ทำการตลาดขยายกิจการไปต่างประเทศจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ซึ่งในปี 2022 แบรนด์ Godiva มีรายได้อยู่ที่ 710.2 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

GODIVA Chocolatier หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า Godiva เป็นแบรนด์ผู้นำระดับโลกด้านช็อกโกแลตพรีเมียม ก่อตั้งขึ้นในกรุงบรัสเซลส์ในปี 1926 โดย Joseph Draps (โจเซฟ ดราปส์) นักทำช็อกโกแลตชาวเบลเยียมที่ทุ่มเทและหลงใหลการทำช็อกโกแลตเป็นอย่างมาก

Godiva เริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจครอบครัวขนาดเล็กที่ผลิตช็อกโกแลตชั้นดีและจำหน่ายในร้านค้าของตนเอง และพัฒนาเรื่อยมาจนบริษัทได้กลายเป็นแบรนด์ระดับสากลที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปทั่วโลก ปัจจุบัน Godiva ยังคงเป็นที่รู้จักในด้านช็อกโกแลตคุณภาพสูงและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์

นอกจากนี้ Godiva ยังยึดมั่นแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนและจริยธรรม โดยจัดหาเมล็ดโกโก้จากฟาร์มที่ได้รับการรับรองจาก Rainforest Alliance และส่งเสริมการทำไร่โกโก้อย่างยั่งยืน ด้วยรสชาติช็อกโกแลตแสนอร่อย ความมุ่งมั่นในการรักษาคุณภาพ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ Godiva Chocolatier เป็นแบรนด์ที่โดดเด่นและได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบันนั่นเอง

แล้วอะไรทำให้ Godiva ประสบความสำเร็จจนโด่งดังไปทั่วโลกแบบนี้ มารู้จักกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของ Godiva ที่ขับเคลื่อนการเติบโตและความก้าวหน้าในการเปลี่ยนแปลงทางสังคมกันเถอะ

เรียกได้ว่าเป็นเวลาเกือบ 100 ปีแล้วที่ Godiva ได้สร้างธุรกิจช็อกโกแลตคุณภาพพรีเมียมที่มีเอกลักษณ์และประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งในขณะนี้ บริษัทกำลังเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากตลาดค้าปลีกที่มีการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในความต้องการของผู้บริโภค

Nurtac Afridi

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้คือ Nurtac Afridi (นูร์แทซ อาฟริดี) CEO ของ Godiva นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อหนึ่งปีก่อน เธอได้ดำเนินกลยุทธ์เพื่อกำหนดนิยามใหม่ของคำว่าพรีเมียมสำหรับ Godiva ทำให้ช็อกโกแลตเข้าถึงได้ง่ายขึ้นผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคในรูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งรวมไปถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ขับเคลื่อนนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การขยายตลาดและการออกใบอนุญาต และสร้างห่วงโซ่อุปทานแบบบูรณาการอีกด้วย

อย่างที่เป็นที่รู้กันว่า Godiva ก่อตั้งขึ้นในปี 1926 ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม โดย Joseph Draps ซึ่งเปิดร้านแห่งแรกใน Grand Place ในกรุงบรัสเซลส์ภายใต้ชื่อปัจจุบันเพื่อเป็นเกียรติแก่ตำนานของ Lady Godiva ส่วนร้านแรกนอกเบลเยียมเปิดในปารีสที่ Rue Saint Honoré ในปี 1958

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Godiva จะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซเชียลมีเดีย จากข้อมูลของ Harvard Business Review พบว่า 73% ของลูกค้าทั้งหมดคลิกดูสินค้าในหลายช่องทางก่อนตัดสินใจซื้อ

นอกจากนี้ รายงาน State of Commerce Experience 2021 ยังแสดงให้เห็นว่าเกือบครึ่ง (44%) ของผู้ซื้อ B2C และ 58% ของผู้ซื้อ B2B กล่าวว่าพวกเขาหาข้อมูลสินค้าทางออนไลน์เสมอหรือบ่อยครั้งก่อนที่จะไปที่หน้าร้านจริง และแม้จะอยู่ในร้าน พวกเขาก็ยังค้นหาข้อมูลในโลกออนไลน์ต่อไป ส่งผลให้ Godiva ใช้กลยุทธ์แบบ Omnichannel และจัดลำดับความสำคัญของช่องทางหลัก เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น

ด้วยกลยุทธ์นี้ทำให้สหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติคาดการณ์ว่ายอดขายในช่วงวันหยุดระหว่างเดือนพฤศจิกายนกับธันวาคมจะเพิ่มขึ้นระหว่าง 8.5% ถึง 10.5% โดยอยู่ระหว่าง 843.4 พันล้านดอลลาร์ถึง 859 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ยังไม่รวมตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ

จากข้อมูลของ Information Resources, Inc. (IRI) ได้รายงานว่าการบริโภคสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค (CPG) โดยรวมของ Godiva อยู่ที่ +37% ส่งผลให้ Godiva เติบโตเร็วกว่ากลุ่ม Premium Chocolate ถึง 2 เท่า

Lady Godiva คือใคร ทำไมถึงกลายมาเป็นชื่อแบรนด์ Godiva

ย้อนไปในปีก่อนที่ Godiva จะเริ่มก่อตั้ง Pierre Draps ได้ทำธุรกิจผลิตช็อกโกแลตเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ซึ่งในแต่ละวันเขาจะจัดจำหน่ายช็อกโกแลตของร้านไปยังห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ

โดยช็อกโกแลตที่ได้รับความนิยมคือ พราลีน ซึ่งเป็นช็อกโกแลตสอดไส้ทั้งอัลมอนด์ ทอฟฟี่ รวมไปถึงผลไม้นานาชนิด ที่ถูกคิดค้นขึ้นในเบลเยียมเมื่อร้อยปีก่อน เนื่องจากในขณะนั้นยังมีร้านที่จำหน่ายช็อกโกแลตชนิดนี้ไม่มากนัก ช็อกโกแลตของร้านของ Pierre Draps จึงได้รับความนิยมเป็นสูง

Pierre Draps และ Pierre Draps 2

แต่ในช่วงแรกของธุรกิจผลิตขนมหวานที่เบลเยียม ได้มีช็อกโกแลตจำนวนมากที่หน้าตาคล้ายกันและรสชาติเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก Pierre Draps ได้ใช้เรื่องราวที่น่าสนใจของ Lady Godiva สตรีแห่งเมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์

ซึ่งเมื่อ 1,000 ปีก่อน Lady Godiva เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์และเป็นภรรยาของเอิร์ล ลีโอฟริก (Leofric) ผู้เป็น 1 ใน 3 ของบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในผืนแผ่นดินอังกฤษสมัยนั้น

เอิร์ล ลีโอฟริกเป็นเจ้าเมืองที่รีดไถภาษีจากประชาชนทั่วไปอย่างโหดร้าย ทำให้ประชาชนในดินแดนแห่งนี้ได้รับความลำบากเป็นอย่างมาก Lady Godiva จึงทนไม่ไหวและพยายามขอร้องสามีของเธอให้ลดภาษีลง

แต่เอิร์ล ลีโอฟริกไม่สนใจและท้าทาย Lady Godiva ว่าถ้าเธอยอมเปลือยกายและขี่ม้ารอบเมือง เขาจะยอมลดภาษีให้ ซึ่งในสมัยก่อน การกระทำนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมและน่าละอายเป็นอย่างมาก เอิร์ล ลีโอฟริกจึงคิดว่าประโยคนี้น่าจะห้าม Lady Godiva ไม่ให้มายุ่งเรื่องนี้อีก

พอได้ยินดังนั้น Lady Godiva ก็ตัดสินใจรับคำท้าและส่งคนไปป่าวประกาศทั่วเมืองโคเวนทรี เพื่อขอความร่วมมือจากประชาชนให้ปิดหน้าต่างและอยู่แต่ในบ้านระหว่างที่เธอเปลือยกายอยู่บนม้า

เมื่อประชาชนได้ยินและรับรู้ถึงสิ่งที่เธอตั้งใจทำเพื่อพวกเขาจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และแล้วเอิร์ล ลีโอฟริกจึงต้องยอมปรับภาษีลดลง หลังจาก Lady Godiva ได้ทำอย่างที่สามีได้กล่าวไว้ทั้งหมด

Statue monument of Lady Godiva, Coventry, UK

Lady Godiva

ด้วยเหตุนี้ เรื่องราวของ Lady Godiva จึงได้เป็นตำนานเล่าขานชื่อดังถึงกระทั่งมีรูปปั้นของเธอถูกสร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ที่จัตุรัสกลางเมือง โคเวนทรี ตั้งแต่ปี 1678 จนถึงปัจจุบัน

ซึ่งเรื่องราวนี้เองได้ถูกถ่ายทอดลงไปในผลิตภัณฑ์ของ Pierre Draps เพราะ Pierre Draps เชื่อว่าความกล้า ความมีน้ำใจ และความสง่างามของ Lady Godiva นี้จะทำให้แบรนด์ช็อกโกแลตของเขาประสบความสำเร็จ

มารู้จักกับ Godiva แบรนด์ช็อกโกแลตพรีเมียมกันเถอะ

Godiva Chocolatier เป็นผู้ผลิตช็อกโกแลตสัญชาติเบลเยียม ซึ่งเป็นเจ้าของโดยกลุ่มบริษัทในเครือของตุรกี Yıldız Holding (ยิลดิซโฮลดิ้ง) และในปี 2019 บริษัทหลักทรัพย์เอกชนของเกาหลีใต้ MBK Partners ได้ซื้อ Godiva Japan ซึ่งจัดจำหน่ายในญี่ปุ่น ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

ปัจจุบัน Godiva มีร้านค้ามากกว่า 600 แห่งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป และเอเชีย และมีจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกเฉพาะทางกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก

โดยในปี 2019 Godiva วางแผนที่จะเปิดร้านกาแฟ 2,000 แห่งทั่วโลกในอีก 6 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นแนวคิดที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ประเภทเชนกาแฟเพิ่มเติม รวมถึงเครื่องดื่มเอสเพรสโซและแซนด์วิชครัวซองต์ แต่ในเดือนมกราคม 2021 Godiva ประกาศว่าจะปิดร้านหน้าร้านจริงทั้งหมด 128 แห่งทั่วอเมริกาเหนือภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2021 เนื่องจากการล็อกดาวน์และข้อจำกัดของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 นั่นเอง

ตั้งแต่ Godiva เปิดตัวในปี 1926 แบรนด์ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีผู้คนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง จนในปี 1968 Godiva ได้รับแต่งตั้งให้เป็นช็อกโกแลตอย่างเป็นทางการของราชสำนักแห่งเบลเยียม ทำให้ Godiva ได้กลายเป็นทูตประจำประเทศบ้านเกิดและเป็นผู้จัดส่งช็อกโกแลตเบลเยียมคุณภาพสูง

ภายในปี 1972 Godiva ได้เปิดร้านบูติกระดับนานาชาติในปารีส ถนน Fifth Avenue ในนครนิวยอร์ก และภายในห้างสรรพสินค้า Nihonbashi Mitsukoshi ในโตเกียว ถือได้ว่าเป็นก้าวแรกที่เติบโตในต่างประเทศได้อย่างประสบความสำเร็จ

ต่อมาในปี 2007 Godiva มียอดขายต่อปีประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ และในปีนั้นเอง Yıldız Holding ซึ่งเป็นเจ้าของกลุ่ม Ülker และเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ที่สุดในตุรกีได้ซื้อแบรนด์ Godiva ไปด้วยราคา 850 ล้านดอลลาร์

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแบรนด์ Godiva ก็ได้ขยายกิจการไปเปิดสาขาในต่างประเทศอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งในห้างสรรพสินค้าแฮร์รอดส์ในลอนดอน ร้านสาขาที่ 100 ในประเทศจีน ร้านสาขาแห่งแรกในออสเตรเลีย ศูนย์วิจัยและพัฒนาช็อกโกแลต Pierre Draps ในกรุงบรัสเซลส์ หรือเปิดร้านเรือธงในอเมริกาเหนือที่ Rockefeller Center ในมิดทาวน์แมนฮัตตัน เรียกได้ว่า Godiva เติบโตและประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

บทสรุป

Godiva เป็นแบรนด์ช็อกโกแลตระดับพรีเมียมที่โด่งดังที่สุดในโลก มีจำหน่ายในกว่า 80 ประเทศทั่วโลก และเป็นแบรนด์ดังที่ชื่อเป็นที่รู้จักกันดีในวงการช็อกโกแลตสุดหรู ด้วยรสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย ทำให้ช็อกโกแลต Godiva เป็นที่นิยมได้อย่างไม่ยาก ด้วยเหตุนี้ ช็อกโกแลต Godiva จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นช็อกโกแลตที่ดีที่สุดในท้องตลาดมาช้านานนั่นเอง

 

ที่มา:

https://en.wikipedia.org/wiki/Godiva_Chocolatier

https://www.godiva.com/careersGodivaHistory/careersGodivaHistory.html#:~:text=Godiva%20chocolates%20were%20named%20after,the%20Dane%2C%20to%20lower%20taxes.

https://en.wikipedia.org/wiki/Lady_Godiva

https://godivachocolates.co.uk/pages/history-of-godiva

https://chocolateemporium.com/blogs/news/the-history-of-godiva-chocolate

https://www.forbes.com/sites/jenniferpalumbo/2021/12/21/how-godivas-new-business-strategy-drives-growth-and-advances-social-change/?sh=4a9777ec6e18

Exploring The Cost Of Godiva Chocolates: Is It Really That Expensive?

https://www.chocolatetradingco.com/magazine/godiva-belgian-chocolate#:~:text=Established%20in%201926%20in%20Belgium,chocolate%20maker%20in%20the%20world

Creating A Sweet Legacy: The Story Of Joseph Draps And Godiva Chocolates

https://www.fooddive.com/news/godivas-push-premium-chocolate-more-accessible/617532/#:~:text=What%20makes%20Godiva%20known%20as,entire%20chocolate%20category%20is%20seeing.



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online